เชื่อว่าเหตุผลที่ทำให้คนรุ่นใหม่วัยเพิ่งเริ่มทำงานหันมาสนใจเรื่องการลงทุนมากขึ้นนั้นเนื่องจากต้องการสร้างความมั่นคงทางการเงินให้กับตัวเองในวัยเกษียณ ซึ่งแน่นอนว่าการออมเงินในธนาคารอย่างเดียวอาจไม่พอต่อความต้องการในอนาคต ดังนั้นการลงทุนจึงเป็นหนึ่งในวิธีการวางแผนการเงินที่คนอยากมีชีวิตดีๆ ในช่วงบั้นปลายควรรีบลงมือทำ อย่างไรก็ตามปัญหาสำคัญที่หลายคนยังลังเลไม่กล้าที่นำเงินที่มีอยู่ไปลงทุน เพราะขาดความรู้เกี่ยวกับประเภทของการลงทุน การลงทุนระยะสั้น หรือการลงทุนระยะยาวมีอะไรบ้าง จึงทำให้ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นลงทุนอย่างไรดี
1. การลงทุนตราสารหนี้ หรือการลงทุนระยะสั้น
การลงทุนตราสารหนี้ คือ การลงทุนที่นักลงทุนอยู่ในสถานะเจ้าหนี้ของผู้ออกตราสารหนี้ โดยได้รับผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยและรับเงินลงทุนคืนเมื่อครบกำหนดสัญญา สำหรับระยะเวลาการลงทุนจะขึ้นอยู่กับชนิดของตราสารหนี้ แต่รวมแล้วจะเป็นการลงทุนระยะสั้น อย่างตั๋วเงินคลังมีอายุไม่เกิน 365 วัน ตั๋วเงินธนาคารแห่งประเทศไทยมีอายุไม่เกิน 365 วัน หุ้นกู้เอกชนระยะสั้นมีอายุไม่เกิน 270 วัน ทำให้ตราสารหนี้ระยะสั้นจัดในกลุ่มประเภทของการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ ผลตอบแทนอยู่ที่ 2 – 5 เปอร์เซ็นต์ แต่ถึงอย่างนั้นนอกจากผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยแล้ว นักลงทุนสามารถค่าตอบแทนจากการซื้อขายตราสารหนี้ได้ด้วย
ประโยชน์จากการลงทุนตราสารหนี้
- มีความเสี่ยงต่ำ ปลอดภัย เงินต้นไม่หาย โดยเฉพาะตราสารหนี้จากรัฐบาล เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาเงินลงทุนไว้ หรือผู้ที่ไม่สามารถรับความเสี่ยงสูงๆ ได้ รวมถึงนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มต้น หรือเพิ่งเริ่มศึกษาหาแนวทางการลงทุน
- ให้ผลตอบแทนสูงกว่าการนำเงินฝากธนาคาร และสามารถคาดเดาผลตอบแทนได้ เนื่องจากมีการกำหนดระยะเวลาการจ่ายผลตอบแทนที่ชัดเจน
ความเสี่ยงจากการลงทุนตราสารหนี้
- เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนต่ำ หากมีภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้น จะทำให้อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงลดลง หรือมีมูลค่าน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อได้
- มีความผันผวนเรื่องอัตราดอกเบี้ย หากดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น ตราสารหนี้มีมูลค่าลดลง แต่ถ้าดอกเบี้ยต่ำ ตราสารหนี้มีมูลค่าสูงขึ้น
- ตราสารหนี้ระยะสั้นเป็นทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องต่ำ ต้องใช้เวลานานในการขาย จึงไม่เหมาะกับคนที่ต้องการเงินหมุนเวียน
2. การลงทุนในพันธบัตร/ หุ้นกู้ หรือการลงทุนระยะยาว
การลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้คือ การลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุมากกว่า 1 ปี จัดอยู่ในกลุ่มประเภทของการลงทุนระยะยาว มีลักษณะการลงทุน ผลตอบแทน และความเสี่ยงต่ำคล้ายกับตราสารหนี้ระยะสั้น โดยนักลงทุนที่ครอบครองพันธบัตรหรือหุ้นกู้จะได้รับดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นจากผู้ออกพันธบัตรหรือหุ้นกู้เมื่อครบสัญญา แต่ สำหรับการลงทุนประเภทนี้หากเป็นลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจจะเรียกว่าพันธบัตรรัฐบาล ได้รับผลดอกเบี้ยเฉลี่ยปีละประมาณ 3% แต่ถ้าเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ที่ออกโดยเอกชนจะเรียกว่าหุ้นกู้ ได้รับผลตอบแทนขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทเอกชนที่เป็นเจ้าของหุ้นกู้ แต่ส่วนใหญ่จะสูงกว่าพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุสัญญาใกล้เคียงกัน จ่ายผลตอบแทนในรูปของดอกเบี้ยปีละ 2 – 4 ครั้ง
ประโยชน์จากการลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้
- จัดอยู่ในกลุ่มประเภทของการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ เงินลงทุนปลอดภัย เนื่องจากมีการทำสัญญาซื้อขายระหว่างสถาบันออกพันธบัตรและนักลงทุนอย่างชัดเจน จึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความเสี่ยง
- ได้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินในบัญชีเงินฝากและสามารถคาดเดาผลตอบแทน เนื่องจากมีการกำหนดระยะเวลาการจ่ายผลตอบแทนที่ชัดเจน
- ด้วยระยะเวลาการสัญญาการลงทุนจึงเหมาะกับการวางแผนการเงินระยะกลางและระยะยาว แต่หากต้องการเงินหมุนเวียนยังสามารถซื้อขายทำกำไรได้ โดยไม่ต้องรอให้ครบกำหนดสัญญา
ความเสี่ยงจากการลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้
- เนื่องจากเป็นการลงทุนระยะยาวจึงต้องมีการวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบ เพราะถึงแม้จะสามารถซื้อขายก่อนครบกำหนดสัญญาได้ แต่เป็นการซื้อขายผ่านนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ราคาจึงเป็นไปตามกลไกลการตลาดจึงอาจขาดทุนได้
- ในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยปรับสูง มูลค่าของพันธบัตรและหุ้นกู้จะลดลง ทำให้เสียโอกาสนำเงินไปลงทุนที่ได้ผลตอบแทนมากกว่า เพราะมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตอบแทนคงที่ตลอดอายุสัญญา
- ถึงแม้ว่าจะกลุ่มประเภทของการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ แต่หุ้นกู้จะมีความเสี่ยงผิดนัดสัญญาชำระหนี้สูงกว่าพันธบัตรรัฐบาล ก่อนตัดสินใจจึงต้องอาศัยข้อมูลการประเมินความสามารถในการชำระหนี้และเครดิตจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating Agency)
3. การลงทุนในหุ้น
การลงทุนในหุ้นคือ การลงทุนในหุ้นของบริษัทที่จดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งนักลงทุนจะเป็นผู้ตัดสินใจซื้อขายด้วยตัวเองผ่านบัญชีหุ้นของบริษัทหลักทรัพย์หรือโบรกเกอร์ โดยปัจจุบันบัญชีหุ้นมีด้วยกันทั้งสิ้น 3 ประเภท ได้แก่ บัญชีวางเงินล่วงหน้า บัญชีเงินสด และบัญชีกู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ สำหรับผลตอบแทนจะอยู่ในรูปของเงินปันผลจากกำไรการดำเนินการของบริษัทและส่วนต่างที่ได้จากการซื้อขายหุ้น แต่ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับความผันผวนของความต้องการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์และระยะเวลาในการลงทุน ทำให้การลงทุนในหุ้นถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเภทของการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง
ประโยชน์จากการลงทุนในหุ้น
- เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง โดยเฉลี่ยแล้วการลงทุนในตลาดหุ้นไทยจะได้ผลตอบแทนประมาณ 8 – 12 เปอร์เซ็นต์ต่อปี กรณีถือครองหุ้นในระยะยาว
- เลือกลงทุนในธุรกิจที่สนใจได้อย่างอิสระ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนก่อตั้งธุรกิจเอง และที่สำคัญสามารถเริ่มต้นด้วยเงินลงทุนน้อยได้
- เป็นการลงทุนที่มีสภาพคล่องทางการเงินสูง สามารถซื้อขายเพื่อทำกำไรได้ตลอดเวลาที่ตลาดหลักทรัพย์เปิดทำการ
- สามารถใช้หุ้นค้ำประกันเงินการกู้เงินกับสถาบันทางเงินได้ โดยยังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และได้รับเงินปันผลได้เช่นเดิม
ความเสี่ยงจากการลงทุนในหุ้น
- เป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ราคาหุ้นมีการปรับขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีโอกาสขาดทุนสูงเช่นกัน
- ต้องรับความเสี่ยงเช่นเดียวกับเจ้าของบริษัท เพราะการถือหุ้นเปรียบเสมือนกับการเป็นเจ้าของร่วม หากบริษัทมีขาดทุนติดต่อกันหรือภาพลักษณ์ไม่ดี นอกจากไม่ได้รับเงินปันผล ยังมีโอกาสที่หุ้นมีมูลค่าลดลงด้วย
- ในตลาดหลักทรัพย์มีหุ้นหลายประเภท ทั้งหุ้นโตช้า หุ้นแข็งแกร่ง หุ้นเติบโต หุ้นวัฏจักร หุ้นฟื้นตัว และหุ้นสินทรัพย์มาก จึงจำเป็นต้องศึกษาและทำความเข้าใจความเสี่ยงของประเภทของการลงทุนอย่างละเอียด
4. การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์คือ การลงทุนในทรัพย์สินประเภทที่ดิน บ้าน คอนโดมิเนียม ทาวน์โอม อาคารสำนักงาน โกดัง ใบจองอสังหาริมทรัพย์ หรือหน่วยลงทุนที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ โดยสามารถสร้างผลตอบแทนได้หลากหลายแบบ ทั้งปล่อยเช่ารายวัน ปล่อยเช่ารายเดือน สร้างบ้านมือหนึ่งขาย ซื้อบ้านเก่ามาซ่อมแซมเพื่อขายต่อ ซื้อขายใบจองอสังหาริมทรัพย์ นายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ หรือลงทุนในกองทุนหรือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ ด้วยเหตุนี้ผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปีจึงขึ้นอยู่กับประเภทของการลงทุน อย่างในกรณีลงทุนสร้างบ้านมือหนึ่งขายจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 80 – 100 เปอร์เซ็นต์ต่อการขาย การลงทุนในกองทุนได้รับผลตอบแทนที่ 6 – 10 เปอร์เซ็นต์ต่อปี นายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ได้รับผลตอบแทน 2 – 4 เปอร์เซ็นต์ต่อการขาย ในขณะที่การปล่อยเช่าได้รับผลตอบแทนสูง 8 – 12 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน
ประโยชน์จากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
- เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูง สามารถซื้อเก็บไว้สร้างผลตอบแทนในระยะยาว หรือเป็นมรดกลูกหลาน ยกเว้นการซื้อขายใบจองอสังหาริมทรัพย์และการเป็นนายหน้าขายอสังหาริมทรัพย์ที่จัดอยู่ในประเภทการลงทุนระยะสั้น
- มีการผันผวนของราคาต่ำ เพราะมีการปรับราคาขึ้นลงช้ากว่าการลงทุนประเภทอื่น ทำให้มีโอกาสขาดทุนน้อยลง
- กรณียังอยู่ในระหว่างผ่อนชำระอสังหาริมทรัพย์จะได้รับสิทธิลดหย่อนตามกฏหมายสูงสุด 100,000 บาท
ความเสี่ยงจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์
- เป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนสูง หากไม่มีเงินก้อนก็ต้องขอเงินลงทุนจากสถาบันการเงินที่มาพร้อมอัตราดอกเบี้ย ทำให้มีต้นทุนเพิ่มมากขึ้น
- เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายอสังหาริมทรัพย์ นโยบายของรัฐที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ หรือเศรษฐกิจมีการชะลอตัว ส่งผลให้กำลังซื้อกำลังเช่าลดลงทำให้ต้องถือทรัพย์สินเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับผลตอบแทน
- อสังหาริมทรัพย์เป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง ทำให้มีการซื้อขายช้า ไม่เหมาะกับคนที่มีสภาพคล่องทางการเงินต่ำ
5. การลงทุนในของมีค่า
สำหรับการลงทุนในของมีค่าถือเป็นอีกหนึ่งประเภทของการลงทุนที่กำลังได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะสร้างผลตอบแทนในอนาคตแล้ว ยังตอบโจทย์ความชอบส่วนตัวของนักลงทุนด้วย สำหรับของมีค่าที่นิยมสะสมเพื่อสร้างผลตอบแทนมีดังนี้
การลงทุนในทองคำ
การลงทุนในทองคำคือ การลงทุนกับสินทรัพย์ประเภททองคำเพื่อรับผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคาซื้อขาย โดยผลตอบแทนเฉลี่ยจะขึ้นอยู่กับราคาทองคำในประเทศและตลาดโลกในแต่ละปี นอกจากนั้นยังมีการลงทุนในกองทุนรวมทองคำ กองทุนรวมอีทีเอฟทองคํา (Gold ETFs) และสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures) ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่มีเงินลงทุนน้อย แต่ต้องการผลตอบแทนสูง
ประโยชน์จากการลงทุนในทองคำ
- ทองคำเป็นทรัพย์สินที่มีการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง เรียกว่ายิ่งถือนานยิ่งได้กำไร
- ทองคำแท่งเป็นหนึ่งในทรัพย์สินสากล ทำให้สามารถซื้อขายเปลี่ยนเป็นเงินได้ราคาเดียวกันทั่วโลก
- เหมาะสำหรับการลงทุนเพื่อวางแผนการเงินระยะยาว เพราะเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงตามอัตราเงินเฟ้อ
ความเสี่ยงจากการลงทุนในทองคำ
- การลงทุนในทองคำแท่งและกองทุนรวมทองคำใช้เวลานานในการสะสมผลตอบแทน แต่ถ้าอยากได้ผลตอบแทนเร็วขึ้นอาจต้องเปลี่ยนเป็นการลงทุนใน Gold ETFs และ Gold Futures ซึ่งเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง จึงเหมาะกับนักลงทุนที่มีประสบการณ์
- การลงทุนในทองคำแท่งได้รับผลตอบแทนจากการซื้อมาและขายออกไปเท่านั้น ไม่มีผลตอบแทนในรูปแบบอื่น แต่ถ้าอยากได้เงินปันผลควรเลือกลงทุนในกองทุนรวมทองคำ
- การสะสมทองคำแท่งมีโอกาสสูญหายได้ เพราะต้องเก็บรักษาเอง
การลงทุนในค่าเงิน
การลงทุนในค่าเงินคือ การลงทุนกับการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงของสกุลเงินต่างๆ ผลตอบแทนได้จากส่วนต่างของการซื้อขายค่าเงิน สำหรับสกุลเงินที่ได้รับความนิยม ได้แก่ สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ สกุลเงินยูโร สกุลเงินเยน สกุลเงินปอนด์ สกุลเงินฟรังก์สวิส สกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย
ประโยชน์จากการลงทุนในค่าเงิน
- มีสกุลเงินให้เลือกทำกำไรได้หลากหลาย ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงได้มากขึ้น
- เป็นทรัพย์สินที่มีสภาพคล่องสูง สามารถซื้อขายได้ตลอดเวลา ทุกประเทศทั่วโลก และหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น ธนาคาร แอปพลิเคชันของธนาคาร หรือร้านรับแลกเงิน
ความเสี่ยงจากการลงทุนในค่าเงิน
- การเปลี่ยนแปลงค่าเงินขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งสภาพทางเศรษฐกิจ นโยบายทางธนาคาร และการเมือง เพราะฉะนั้นผู้ลงทุนจึงต้องติดตามข่าวสารและประเมินทิศทางการเปลี่ยนแปลงของเงินสกุลที่เลือกลงทุนอย่างรอบคอบ เพื่อลดปัญหาด้านสภาพคล่องทางการเงินจากการถือทรัพย์สินเป็นเวลานาน
การลงทุนในสินค้าพลังงาน
การลงทุนในสินค้าพลังงานคือ การลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องพลังงานสะอาด อย่างกลุ่มพลังงานทางเลือกพลังงานหมุนเวียน รถยนต์ไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง สำหรับนักลงทุนทั่วไปสามารถลงทุนโดยการซื้อหุ้นหรือกองทุนที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาธุรกิจด้านพลังงาน
ประโยชน์จากการลงทุนในสินค้าพลังงาน
เป็นธุรกิจที่ได้รับการสนับสนุนจากนโยบายของภาครัฐของทุกประเทศทั่วโลก ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต
ความเสี่ยงจากการลงทุนในสินค้าพลังงาน
- ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนาด้านเทคโนโลยี จึงต้องใช้เงินลงทุนสูง ในช่วงแรกของการลงทุนอาจมองไม่เห็นผลตอบแทน ทำให้ไม่เหมาะกับกลุ่มนักลงทุนระยะสั้น
- การเติบโตขึ้นอยู่นโยบายของภาครัฐ หากมีการเปลี่ยนแปลงอาจส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ
การลงทุนในค่าเงินดิจิตอล
การลงทุนในค่าเงินดิจิตอลคือ การลงทุนในเงินสกุลดิจิตอลที่พัฒนาจากอัลกอลิทึม มูลค่าของสินทรัพย์ดิจิตอลจะขึ้นอยู่กับความต้องการของนักลงทุน ถ้าสกุลเงินดิจิตอลใดเป็นที่ต้องการมากก็จะยิ่งมีราคาสูง จึงถูกจัดอยู่ในกลุ่มประเภทของการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ปัจจุบันมีมากกว่า 10,000 สกุล สุกลเงินที่มีมูลค่าสูงสุดในโลก ได้แก่ Bitcoin สำหรับวิธีสร้างผลตอบแทนทำได้หลากหลายวิธีทั้งการลงทุนระยะสั้นและระยะยาว ทั้งการถือสกุลเงินเพื่อทำกำไรในระยะยาว การเทรดซื้อขายระยะสั้นทำกำไรจากราคาขึ้นลงรายวัน การเก็บไว้ในกระเป๋าเงินดิจิตอลเพื่อรับดอกเบี้ย การฝากใน Liquidity Pool เพื่อรับผลตอบแทนรูปแบบต่างๆ การขุด Bitcoin และรับเหรียญแจกฟรีจากการทำกิจกรรม
ประโยชน์จากการลงทุนในค่าเงินดิจิตอล
- ถูกจับตามองในฐานะเงินบนโลกออนไลน์ที่มีเติบโตสูงและชำระสินค้าได้จริงในอนาคต ด้วยเหตุนี้การถือครองเป็นกลุ่มแรก ๆ จึงทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าการลงทุนในช่วงตลาดขาขึ้น
- สามารถใช้ซื้อสินทรัพย์ดิจิตอล สินค้าในโลกเกมเสมือนจริง สินค้าทั่วไป บริจาค เป็นของขวัญ ทิปแก่ผู้ให้บริการ
- มีอิสระในการซื้อขายเท่าเทียมทั่วโลก เพราะไม่อยู่ภายใต้สถาบันการเงินของประเทศใด ปัจจัยด้านนโยบาย อัตราเงินเฟ้อ หรือสภาพเศรษฐกิจจึงไม่มีผลต่อมูลค่าของสกุลเงิน
ความเสี่ยงจากการลงทุนในค่าเงินดิจิตอล
- ราคาของสกุลเงินขึ้นอยู่กับความต้องการของนักลงทุนในระบบ มูลค่าของสกุลเงินจึงมีการเปลี่ยนแปลงราคาของสกุลเงินอยู่ตลอดเวลา ทำให้มีโอกาสสูญเสียเงินลงทุนได้หากมูลค่าของสกุลเงินลดลง
- สกุลเงินดิจิตอลยังไม่ได้รับรองจากรัฐบาลหรือใช้ทรัพย์สินที่มีมูลค่าค้ำประกัน จึงไม่มีมูลค่าจริงตามกฎหมาย
การลงทุนในของสะสม
การลงทุนในของสะสมคือ การลงทุนกับสิ่งของที่มีมูลค่า อย่างรถยนต์ นาฬิกา พระเครื่อง เหรียญที่ระลึก พระเครื่อง ภาพวาด เครื่องประดับ เครื่องดื่ม ของเก่า โดยผลตอบแทนมาจากส่วนต่างของราคาซื้อขาย
ประโยชน์จากการลงทุนในของสะสม
- เป็นการลงทุนกับสิ่งของที่สามารถจับต้องได้ มีคุณค่าทางจิตใจ และตอบสนองความชื่นชอบส่วนตัวของนักลงทุน
- ไม่มีราคากลางที่ชัดเจน ราคาซื้อขายเกิดจากความพึ่งพอใจล้วนๆ ทำให้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนจากส่วนต่างการซื้อขายได้มากขึ้น
ความเสี่ยงจากการลงทุนในของสะสม
- การลงทุนในของสะสมเหมาะกับคนที่มีความรู้เชิงลึกในทรัพย์สินชนิดนั้น เพราะนอกจากต้องประเมินมูลค่าและแยกระหว่างของจริงของปลอมได้แล้ว ในระหว่างเก็บรักษาต้องมีการดูแลอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันความเสียหาย
- เป็นสินค้าที่มีความต้องการเฉพาะกลุ่ม จึงทำให้ซื้อขายเปลี่ยนมือได้ยากกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น
- มูลค่าของทรัพย์สินขึ้นอยู่กับระยะเวลาและกระแสนิยม ของสะสมบ้างชิ้นต้องเก็บไว้เป็นเวลานานหลายสิบปีถึงมีมูลค่าสูงตามที่ผู้ถือครองต้องการ จึงเป็นการลงทุนที่เหมาะกับคนที่มีสภาพคล่องทางการเงินสูง เพราะต้องถือสินทรัพย์เป็นเวลานาน
การลงทุนระยะยาวมีอะไรบ้าง
การลงทุนระยะยาวมีอะไรบ้าง? และการลงทุนระยะยาวคืออะไร? การลงทุนที่มีการวางแผนสร้างผลตอบแทนเพื่อบรรลุเป้าหมายในระยะยาว อย่างการซื้อทรัพย์สินที่มีราคาแพงหรือสะสมความมั่งคั่งสำหรับชีวิตเกษียณที่มีประสิทธิภาพ จึงต้องมีการวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบและลงทุนอย่างสม่ำเสมอเพื่อสะสมผลตอบแทนต่อเนื่อง สำหรับประเภทของการลงทุนระยะยาวมีดังนี้
- พันธบัตรรัฐบาล
- หุ้นกู้
- หุ้น
- อสังหาริมทรัพย์
- การลงทุนในของมีค่า
ประโยชน์จากการลงทุนระยะยาว
เนื่องด้วยเป็นการสะสมความมั่งคั่งในระยะยาว จึงทำให้ได้ผลตอบแทนมากกว่า อีกทั้งยังเสี่ยงขาดทุนน้อยกว่าการลงทุนระยะสั้น เพราะนักลงทุนให้ความสนใจกับผลตอบแทนสุดท้ายมากกว่าความผันผวนทางการเงินที่เกิดขึ้นในระหว่างลงทุน
ความเสี่ยงจากการลงทุนระยะยาว
สินทรัพย์ที่เหมาะสำหรับการลงทุนระยะยาว ส่วนใหญ่เป็นทรัพย์สินที่ต้องใช้เวลาสะสมผลตอบแทนนาน จึงเหมาะสำหรับคนที่มีรายได้ประจำหรือคนที่มีเงินเก็บ
การลงทุนระยะสั้นมีอะไรบ้าง
การลงทุนระยะสั้นคือ การลงทุนเพื่อหวังผลตอบแทนในระยะสั้นไม่เกิน 3 เดือน - 3 ปี แต่ก็มีสินทรัพย์หลายชนิดที่สามารถทำกำไรแบบวันต่อวันได้เช่นกัน สำหรับประเภทของการลงทุนระยะยาวมีดังนี้
- ตราสารหนี้ระยะสั้น
- หุ้นกู้ระยะสั้น
- หุ้น (Day Trade)
- ซื้อขายใบจองอสังหาริมทรัพย์
- การลงทุนในค่าเงิน
- การลงทุนในค่าเงินดิจิตอล
ประโยชน์จากการลงทุนระยะสั้น
การลงทุนระยะสั้นเป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนสูงในเวลาสั้น ทำให้นักลงทุนมีสภาพคล่องทางการเงินสูงกว่าการลงทุนระยะยาว
ความเสี่ยงจากการลงทุนระยะสั้น
การลงทุนระยะสั้นมีความผันผวนทางการเงินสูง นักลงทุนจึงต้องศึกษา ติดตามปัจจัยที่เกี่ยวข้อง และประเมินความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา
การลงทุนระยะยาว หรือระยะสั้น ดีกว่ากัน
นักลงทุนมือใหม่ที่กำลังศึกษาประเภทของการลงทุน มั่นใจว่าหลายคนคงสงสัยว่าการลงทุนระยะสั้น การลงทุน ระยะยาวมีอะไรบ้าง และควรเริ่มจากการลงทุนระยะยาวหรือระยะสั้นดีกว่ากัน สำหรับคำตอบคือ ขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการเงินของแต่ละบุคคล กรณีที่มีการกำหนดเป้าหมายการลงทุนที่ชัดเจนเพื่อเป้าหมายหรือเงินก้อนใหญ่ การลงทุนระยะยาวจะตอบโจทย์ได้ดีกว่า เพราะมีเวลาในการสะสมผลตอบแทนอย่างมั่นคง แต่ถ้าต้องการเสริมสภาพคล่องทางการเงินในชีวิตประจำวัน การลงทุนระยะสั้นเหมาะสมมากกว่า
จากข้อมูลการลงทุนจะเห็นได้ว่าการลงทุนมีหลายประเภท อย่างไรก็ตามหากให้แบ่งง่ายๆ สามารถแบ่งได้การ ลงทุนระยะสั้น เหมาะกับคนที่ต้องการผลตอบแทนในช่วงเวลาสั้น และการลงทุนระยะยาว เหมาะกับคนที่ต้องการวางแผนทางการ แต่ไม่ว่าจะเลือกลงทุนแบบไหน สิ่งสำคัญคือ ต้องศึกษาการลงทุนอย่างละเอียด ต้องรู้ว่าการลงทุนระยะยาวมีอะไรบ้าง และการลงทุนระยะสั้นมีอะไรบ้าง รวมทั้งความเสี่ยงของการลงทุนแต่ละแบบ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้การลงทุนมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงในการขาดทุนมากขึ้น