KNOW HOW
  • FINANCIAL

    หนี้เสีย NPL คืออะไร ส่งผลอะไรบ้าง แก้ไขอย่างไรหากจ่ายไม่ไหว?

    มารู้จัก NPL ปัญหาทางการเงินที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน หนี้เสียคืออะไร เกิดจากอะไร ส่งผลอย่างไร พร้อมวิธีแก้ไขปัญหาและข้อควรรู้ต่าง ๆ แบบเข้าใจง่าย

    AP THAILAND

    AP THAILAND

    Main Points:

     

    • หนี้เสีย หรือ NPL คือ หนี้ที่ผู้กู้ไม่สามารถชำระได้ตามกำหนด ซึ่งอาจเกิดจากการขาดการวางแผนการเงิน รายได้ลดลงหรือดอกเบี้ยสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งผู้กู้ในด้านความน่าเชื่อถือ การสูญเสียทรัพย์สิน และสุขภาพจิต รวมถึงระบบเศรษฐกิจที่อาจชะลอตัวจากการปล่อยสินเชื่อที่ลดลงของธนาคาร
    • การแก้ปัญหาหนี้เสียเริ่มต้นที่การติดต่อสถาบันการเงินเพื่อปรับโครงสร้างหนี้หรือขอพักชำระหนี้ รวมถึงการวางแผนการเงินใหม่ ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และหาช่องทางเพิ่มรายได้เพื่อจัดการชำระหนี้ย้อนหลังให้ครบถ้วน

     

     

    หนี้เสียหรือที่เรียกกันว่า NPL (Non-Performing Loan) อาจฟังดูเหมือนศัพท์เฉพาะที่ใช้ในวงการการเงิน แต่ความจริงแล้วนั้นเป็นเรื่องใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่กู้ยืมเงิน เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ หรือใช้บัตรเครดิต วันนี้ AP Thai ชวนมาทำความเข้าใจกันว่าหนี้เสียคืออะไร มีผลกระทบอย่างไร และเราจะมีวิธีจัดการได้อย่างไรบ้าง หากมีหนี้เสีย เพื่อรักษาสถานะทางการเงินให้มั่นคงและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

     

    หนี้เสีย NPL คืออะไร?

    NPL

     

    NPL หรือ Non-Performing Loan คือ สถานะของหนี้ที่ผู้กู้ไม่สามารถชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ยได้ตามกำหนดเวลาที่ตกลงไว้กับธนาคาร โดยทั่วไปหากค้างชำระเกิน 90 วัน หนี้นั้นจะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม NPL

     

    การมี NPL หมายถึงผู้กู้ขาดสภาพคล่องทางการเงินที่ทำให้ไม่สามารถจ่ายหนี้ได้ตามแผน ซึ่งอาจมาจากการขาดการวางแผนอย่างรอบคอบ หรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น การสูญเสียรายได้ การมีค่าใช้จ่ายฉุกเฉินโดยไม่ทันตั้งตัว การที่หนี้ถูกจัดเป็น NPL ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือในระบบการเงิน เพราะเป็นสัญญาณว่าผู้กู้ขาดศักยภาพและความมั่นคงทางรายได้ และมีผลต่อเครดิตการยื่นกู้ในอนาคตอีกด้วย

     

    หนี้เสีย NPL มีกี่ประเภท?

    บัตรเครดิต

     

    หนี้เสียสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน หากเรามีการกู้สินเชื่อแต่ขาดการบริหารจัดการทางการเงินที่เหมาะสม ก็อาจทำให้เกิด NPL โดยไม่จำเป็นได้ โดยสามารถแบ่งได้หลายประเภท ดังตัวอย่างต่อไปนี้

     

    • หนี้เสียจากบัตรเครดิต (Credit Card NPL) คือ หนี้ที่เกิดจากการใช้บัตรเครดิตรูดซื้อสินค้าบริการ โดยไม่สามารถชำระยอดค้างภายในกำหนด
    • หนี้เสียจากบัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคล (Personal Loan NPL) คือ หนี้เกิดจากการกู้เงินส่วนบุคคล เพื่อนำไปใช้จ่ายในเรื่องจำเป็นหรือเรื่องฉุกเฉิน โดยไม่สามารถชำระยอดค้างภายในกำหนด
    • หนี้เสียจากสินเชื่อรถยนต์ (Car Loan NPL) คือ หนี้ที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อซื้อรถยนต์ โดยไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดตามกำหนด
    • หนี้เสียจากสินเชื่อบ้าน (Mortgage Loan NPL) คือ หนี้ที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อซื้อหรือสร้างบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ โดยไม่สามารถผ่อนชำระค่างวดตามกำหนด
    • หนี้เสียจากสินเชื่อธุรกิจ (Business Loan NPL) คือ หนี้ที่เกิดจากการกู้เงินเพื่อใช้ในกิจการ เช่น สินเชื่อ SME และเจ้าของธุรกิจไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด

     

    การเกิดหนี้เสียมีสาเหตุจากอะไร?

    NPL

     

    โดยภาพรวมแล้ว หนี้เสียมักมาจากปัญหาส่วนบุคคลที่เกิดจากการขาดศักยภาพในการบริหารจัดการหนี้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่สามารถส่งผลให้เกิดหนี้เสียโดยไม่สามารถควบคุมได้เช่นกัน

    ปัจจัยภายใน

    คือปัญหาที่เกิดจากตัวผู้กู้เอง มักเกิดจากการบริหารจัดการเงินที่ไม่ดีพอ ทำให้ขาดความต่อเนื่องในการชำระหนี้และเพิ่มความเสี่ยงการเกิดหนี้เสีย

     

    • การขาดวินัยทางการเงิน ไม่ชำระหนี้ตามกำหนดเวลา ถ้าผู้กู้ไม่มีวินัยในการจัดการรายได้และค่าใช้จ่าย เช่น เลือกชำระขั้นต่ำสำหรับบัตรเครดิตหรือสินเชื่ออื่น ๆ บ่อยครั้ง จะทำให้ดอกเบี้ยและค่าปรับสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดไม่สามารถชำระหนี้ได้และกลายเป็นหนี้เสีย
    • การบริหารจัดการการเงินที่ไม่ดี ใช้จ่ายเกินตัว กู้ยืมโดยไม่มีแผนการชำระคืนที่ชัดเจน เช่น การใช้บัตรเครดิตซื้อของฟุ่มเฟือยโดยไม่คำนึงถึงความสามารถในการจ่ายคืน หรือการกู้เงินก้อนโตมาซื้อบ้านที่มีราคาสูงกว่ากำลังทรัพย์ของตัวเอง
    • การก่อหนี้ซ้ำซ้อน ยืมเงินจากหลายแหล่งมาโดยไม่สามารถชำระหนี้ได้ทันเวลา เช่น การใช้บัตรเครดิตหลายใบ หรือการกู้สินเชื่อส่วนบุคคลซ้ำซ้อนเพื่อหมุนเงินชำระหนี้หลายก้อน จะยิ่งเป็นการเพิ่มภาระหนี้ที่ทำให้สถานการณ์ทางการเงินของผู้กู้ยิ่งแย่ลง

    ปัจจัยภายนอก

    คือเหตุการณ์ที่ผู้กู้ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น เศรษฐกิจตกต่ำ รายได้ลดลง ตกงานกะทันหัน หรือดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามแผนเดิม

     

    • สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่ดี เช่น ภาวะเงินเฟ้อสูง หรือการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ค่าครองชีพเพิ่มขึ้นแต่รายได้ลดลง ผู้กู้หลายคนจึงประสบปัญหาทางการเงินและไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด
    • การเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย เช่น หากกู้ซื้อบ้านในช่วงที่ดอกเบี้ยต่ำ แต่เมื่อดอกเบี้ยปรับขึ้น ค่างวดรายเดือนก็เพิ่มขึ้นตามจนผู้กู้อาจจะไม่สามารถจ่ายได้ไหวเช่นเดิม
    • การถูกเลิกจ้าง การสูญเสียงานกะทันหันเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้กู้ขาดรายได้หลัก ส่งผลให้การชำระหนี้ไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้

     

    ผลกระทบของหนี้เสียมีอะไรบ้าง?

    หนี้เสียไม่เพียงสร้างภาระทางการเงินต่อทั้งผู้กู้โดยตรงเท่านั้น แต่การมีหนี้เสียจำนวนมากยังส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินและเศรษฐกิจในวงกว้างอีกด้วย

    ผลกระทบในระดับบุคคล

    • เสียเครดิตและขอสินเชื่อได้ยากขึ้น เมื่อผู้กู้ไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดจนกลายเป็นหนี้เสีย จะเป็นการสร้างประวัติการเงินที่ไม่ดีในเครดิตบูโรซึ่งส่งผลต่อการขอสินเชื่อในอนาคต
    • ไม่มีเงินเหลือใช้และอาจโดนยึดทรัพย์สิน เมื่อผู้กู้ต้องนำเงินไปชำระหนี้จนหมด อาจทำให้เกิดปัญหาเงินไม่พอใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมถึงไม่สามารถนำไปใช้จ่ายในด้านอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้ เมื่อไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด อาจส่งผลให้ทรัพย์สินที่ใช้ค้ำประกันสินเชื่อ เช่น บ้าน รถยนต์ ถูกยึดเพื่อนำไปขายทอดตลาดแทน
    • เกิดความเครียดและเสียสุขภาพจิต การมีภาระหนี้เกินตัวยังก่อให้เกิดความเครียด ความขัดแย้งในครอบครัว หรือแม้กระทั่งปัญหาสุขภาพจิต

    ผลกระทบในระดับเศรษฐกิจ

    • สถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อใหม่ลดลง หนี้เสียที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อสถาบันการเงินเนื่องจากธนาคารต้องตั้งสำรองหนี้เสียมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการที่หนี้ไม่ได้รับชำระคืน การตั้งสำรองที่สูงขึ้นทำให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อใหม่ได้น้อยลง
    • เศรษฐกิจชะลอตัวและเติบโตช้า การที่บุคคลไม่สามารถชำระหนี้ได้ อาจลดการใช้จ่ายอุปโภคบริโภคและการลงทุน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจได้
    • การขยายตัวของธุรกิจชะงักงัน โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ที่พึ่งพาการกู้ยืมเงินเพื่อขยายกิจการ เจ้าของธุรกิจจะเข้าถึงแหล่งเงินทุนยากขึ้น ได้รับวงเงินสินเชื่อน้อยลง ซึ่งส่งผลให้การขยายกิจการหรือการลงทุนใหม่ ๆ ชะลอตัวลงตามไปด้วย

     

    ป้องกันหนี้เสีย NPL ได้ใน 3 ขั้นตอนง่าย ๆ คุณก็ทำได้

    ผู้หญิงวางแผนทางการเงิน

     

    1.  สำรวจและวางแผนการเงินอย่างรอบคอบ ก่อนการกู้เงินต่าง ๆ 

    ก่อนเริ่มต้นกู้เงินใด ๆ ผู้กู้ควรสำรวจรายได้และค่าใช้จ่ายประจำเดือนของตนเองอย่างละเอียด เพื่อคำนวณดูว่ามีสภาพคล่องทางการเงินเพียงพอสำหรับผ่อนชำระหนี้ได้ไหวหรือไม่ นอกจากนี้ ผู้กู้ควรศึกษารายละเอียดเงื่อนไขของสินเชื่อ เช่น ดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อน และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ อย่างถี่ถ้วน เพื่อประเมินให้มั่นใจว่าการกู้เงินนั้น ๆ เหมาะสมกับสถานการณ์การเงินของตัวเอง

    2.  ชำระหนี้ตรงเวลา

    การชำระหนี้ตรงเวลาคือหัวใจสำคัญของการรักษาสถานะทางการเงินที่ดี ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดหนี้เสีย รวมถึงสร้างความน่าเชื่อถือให้เครดิตบูโรอีกด้วย การชำระหนี้ตรงเวลายังช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นจากดอกเบี้ยผิดนัดและค่าปรับที่อาจเกิดขึ้น ผู้กู้จึงควรศึกษาและวางแผนการชำระหนี้ให้ดีเพื่อให้หลีกเลี่ยงการลืมชำระหนี้ หากพบว่าอาจมีปัญหาในการชำระหนี้ในเดือนใด ควรรีบแจ้งธนาคารเพื่อขอคำปรึกษา

    3.  ติดต่อธนาคารเพื่อหาแนวทางแก้ไขหนี้เสีย ปรับโครงสร้างหนี้ 

    เมื่อต้องเผชิญกับหนี้เสีย สิ่งสำคัญที่สุดคือการไม่เพิกเฉยต่อปัญหา การติดต่อธนาคารเพื่อปรึกษาหาทางออกเป็นขั้นตอนแรกที่ควรทำ เช่น การขอปรับโครงสร้างหนี้ ในปัจจุบันสถาบันการเงินหลายแห่งก็มีแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ที่มีปัญหาในการชำระหนี้ที่สามารถพูดคุยได้

     

    หนี้เสียเป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่ย้ำให้ผู้กู้ควรเริ่มวางแผนการเงินใหม่อย่างจริงจัง โดยเริ่มจากการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ไม่สร้างหนี้เพิ่ม รวมถึงจัดลำดับการจ่ายหนี้ให้เหมาะสมเพื่อลดเงินต้น ลดดอกเบี้ย และรักษาประวัติการเงินให้กลับคืนสู่สถานการณ์ปกติ

     

    นอกจากความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับ NPL หรือ Non-Performing Loan แล้ว หากเราเริ่มเป็นคนกู้เงินเพื่อซื้อสินทรัพย์หรือต่อยอดการลงทุนในชีวิต อาจมีคำถามอื่น ๆ เช่น หนี้ดีกับหนี้เสียต่างกันอย่างไร, NPL กับเครดิตบูโรเหมือนกันไหม AP Thai ได้รวบรวมคำถามยอดฮิตและคำตอบมาให้เพื่อความเข้าใจมากขึ้นแล้ว

     

    รู้ทัน NPL กับคำถามที่พบบ่อยที่สุด

    คำถามน่ารู้เกี่ยวกับเรื่องหนี้เสีย NPL (Non Performing Loans)

     

    Q: หนี้เสียกับหนี้ดี ต่างกันอย่างไร?

    A: หนี้ดี คือ หนี้ที่สร้างมูลค่าเพิ่มหรือรายได้ในอนาคต เช่น การกู้เงินเพื่อขยายธุรกิจหรือซื้อสินทรัพย์ที่มีโอกาสเพิ่มมูลค่า ส่วนหนี้เสีย คือ หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายรับ ไม่สามารถชำระคืนได้ตามกำหนด หรือหนี้นอกระบบ โดย AP Thai ได้รวบรวมตัวอย่างหนี้ดีและหนี้เสียเพื่อให้ทุกคนสามารถวางแผนการเงินได้ง่ายขึ้น สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ หนี้ดีและหนี้เสียคืออะไร? ส่งผลต่อการกู้เงินไหม?

    Q: NPL กับเครดิตบูโร ต่างกันอย่างไร?

    A: NPL เป็นสถานะของหนี้ที่ไม่ชำระตามกำหนด ส่วนเครดิตบูโรเป็นหน่วยงานที่จัดเก็บข้อมูลประวัติการชำระหนี้ของผู้กู้ ซึ่งมีชื่อเต็มว่า “บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB)” โดยข้อมูลในเครดิตบูโรจะสะท้อนถึงวินัยทางการเงินของผู้กู้ ดังนั้น ผู้กู้จึงควรเช็กเครดิตบูโรของตัวเองอย่างน้อยปีละครั้ง เพื่อตรวจสอบสถานะของการกู้และดูคะแนนเครดิตของตัวเอง ให้สามารถวางแผนทางการเงินต่อไปได้อย่างเหมาะสม

     

    ระดับคะแนนเครดิตบูโร

    ช่วงคะแนนเครดิต ระดับความเสี่ยง
    753-900 AA
    725-752 BB
    699-724 CC
    681-698 DD
    666-680 EE
    646-665 FF
    616-645 GG
    300-615 HH

     

    AP Thai ได้รวมข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับเครดิตบูโร พร้อมทั้งสถานที่ที่เช็กเครดิตบูโร รวมถึงวิธีการแก้ไขสถานะเครดิตบูโรก่อนกู้ซื้อทรัพย์สิน เพื่อให้คุณสามารถวางแผนการเงินได้สะดวกขึ้น สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่บทความ เครดิตบูโร คืออะไร? พร้อมวิธีแก้ไขสถานะให้กลับมาปกติ

     

    Q: NPL กับ NPA ต่างกันอย่างไร?

    NPL vs NPA

     

    A: NPL (Non-Performing Loan) คือ หนี้ที่ค้างชำระเกินกว่า 90 วัน และยังไม่ได้รับการแก้ไข ขณะที่ NPA (Non-Performing Asset) คือ ทรัพย์สินรอการขายที่ธนาคารยึดมาจากลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด เป็นทรัพย์สินที่ลูกหนี้นำมาเป็นหลักค้ำประกันในการกู้เงินก่อนที่ทางธนาคารจะนำมาขายทอดตลาดเพื่อให้เกิดรายได้กลับมาชำระหนี้ เช่น บ้านหรือคอนโดที่ธนาคารยึดไว้เพื่อขายต่อ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า NPA จึงเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังจาก NPL ไม่ได้รับการจัดการ

     

    หัวข้อ NPL (Non-Performing Loan) NPA (Non-Performing Asset)
    สถานะ หนี้ที่ลูกหนี้ยังถือครอง ทรัพย์สินที่ธนาคารยึดคืนมา
    ผลกระทบ ส่งผลต่อการตั้งสำรองหนี้เสีย ส่งผลต่อการบริหารจัดการทรัพย์สิน
    ตัวอย่าง สินเชื่อบ้านที่ค้างชำระ บ้านที่ยึดมาแต่ยังขายไม่ได้

     

    การทำความเข้าใจเกี่ยวกับ NPL ช่วยให้เราสามารถจัดการหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หนี้เสียอาจดูเป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่ถ้าเรามีการวางแผนทางการเงินที่ดี รู้จักจัดลำดับการจ่ายหนี้ และหาทางออกอย่างเหมาะสม รวมถึงการขอความช่วยเหลือจากธนาคารหรือผู้เชี่ยวชาญ ก็เป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้เราก้าวผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ได้ดียิ่งขึ้น

     

    รวมเคล็ดลับเลือกซื้อบ้าน ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์และงบประมาณ

     

    เลือกซื้อบ้านที่เหมาะสม เพื่อให้การเงินคล่องตัวใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

    บ้านที่ดีคือบ้านที่ตอบโจทย์ทั้งไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและศักยภาพทางการเงินของเรา ใครกำลังมองหาบ้านใหม่ที่เหมาะกับกำลังซื้อของตัวเอง สามารถใช้ โปรแกรมคำนวณการผ่อนบ้านจากเอพี เพื่อค้นหาบ้านที่ใช่พร้อมเช็กค่างวดในแต่ละเดือน หรือถ้ามีโครงการบ้านในใจแต่ยังตัดสินใจไม่ได้ ก็สามารถใช้ โปรแกรมเปรียบเทียบโครงการที่อยู่อาศัยจากเอพี ที่ช่วยให้มองเห็นภาพรวมของแต่ละโครงการได้ดียิ่งขึ้น

     

    รวมโครงการบ้านจาก AP           ขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่ AP

     

    เอพีไทยแลนด์ ช่วยเติมเต็มความหมายของชีวิต

    เลือกเป็นเจ้าของโครงการบ้านจาก เอพีไทยแลนด์ เพื่อสร้างชีวิตดี ๆ บนพื้นที่ความสุขที่เราเลือกเอง ไม่ว่าจะเป็น โครงการบ้านเดี่ยวพื้นที่กว้างขวางเป็นส่วนตัว ทาวน์โฮมหรือบ้านแฝดดีไซน์สวย คอนโดมิเนียมทำเลติดรถไฟฟ้าเดินทางง่าย และโฮมออฟฟิศฟังก์ชันเจ๋งที่รองรับทุกธุรกิจ สามารถเลือกได้ตามต้องการ เพราะ “บ้าน” ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย

     

     

    EMPOWER LIVING อยู่ .. เพื่อทุกความหมายของคุณ

    RELATED ARTICLES