8 วิธีไล่งูออกจากบ้านและป้องกันงูเข้าบ้าน รู้ไว้ปลอดภัยกว่า

KNOW HOW · Know How

8 วิธีไล่งูออกจากบ้านและป้องกันงูเข้าบ้าน รู้ไว้ปลอดภัยกว่า

15 Jul 2025

แชร์ไปยัง

หมดปัญหางูเข้าบ้านด้วย 8 วิธีไล่งูออกจากบ้าน ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับสมาชิกทุกคนในครอบครัว ใช้ชีวิตสบายและไม่ต้องกังวลอีกต่อไป

MAIN POINT

 

  • วิธีไล่งูออกจากบ้านและป้องกันงูเข้าบ้าน ประกอบไปด้วย เทน้ำมันกลิ่นฉุนรอบบ้าน, ใช้ผงกำมะถันไล่งู, ติดตาข่ายโดยรอบ, ดูแลบริเวณรอบบ้านไม่ให้รก, เลี้ยงสัตว์เลี้ยง, อุดช่องโหว่ของตัวบ้าน, กำจัดแหล่งอาหาร และปลูกต้นไม้ไล่งู
  • โดยงูสามารถเข้ามาภายในบ้านได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น ชักโครก, ประตู, หน้าต่าง และช่องโหว่รอบบ้าน ซึ่งหากเกิดเหตุงูเข้าบ้าน ทุกคนจะต้องตั้งสติ, ดูลักษณะของงู, เฝ้าสังเกตพร้อมเว้นระยะห่าง และแจ้งหน่วยกู้ภัยเพื่อรับการช่วยเหลือ

 

ข่าวงูเข้าบ้านทั้งในทีวีและโลกโซเชียล คงทำให้หลายบ้านขนลุกขนพองกันไม่น้อย เพราะนอกจากหลายคนจะกลัวงูเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว งูบางชนิดที่เข้าบ้านมายังเป็นงูมีพิษที่เป็นอันตรายต่อสมาชิกทุกคนในบ้าน วันนี้ AP Thai เลยรวบรวม 8 วิธีไล่งูที่จะมาช่วยไล่และป้องกันงูไม่ให้เข้ามาเพ่นพ่านในบริเวณบ้านของเรา ว่าแต่จะมีวิธีไล่งูออกจากบ้านแบบไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลย!

 

8 วิธีไล่งูและวิธีป้องกันงูเข้าบ้าน มีอะไรบ้าง?

1. เทน้ำมันกลิ่นฉุนรอบบ้าน 

น้ำมัน

 

เนื่องจากงูเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบกลิ่นแรง ๆ หากช่วงไหนคนในบ้านเริ่มเห็นงูมาป้วนเปี้ยนบริเวณบ้าน ให้หาน้ำมันที่มีกลิ่นฉุน ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันสน น้ำมันเครื่อง หรือน้ำมันก๊าด มาราดบริเวณรอบ ๆ บ้านหรือในจุดเสี่ยงที่พบเห็นงู เพื่อเป็นการไล่งูออกจากบ้าน

 

2. ใช้ผงกำมะถันไล่งู

ผงกำมะถัน

 

อีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถไล่งูให้ออกห่างจากตัวบ้านได้ โดยการเอาผงกำมะถันไปผสมกับน้ำ แล้วคนให้ผงกับน้ำละลายเข้ากันดี จากนั้นเอาไปเทให้รอบบ้าน โดยเน้นในบริเวณที่เสี่ยง อย่างพงหญ้าหลังบ้านหรือในจุดที่พบเห็นงู ซึ่งผงกำมะถันที่มีกลิ่นฉุนจะช่วยไล่งูให้ไปที่อื่นนั่นเอง

 

3. ติดตาข่ายโดยรอบ

ติดตาข่าย

 

สำหรับบ้านใครที่อยู่ใกล้ป่าหรือบริเวณที่มีต้นไม้เยอะ ๆ อาจมีโอกาสเสี่ยงที่งูจะเข้าบ้านได้ง่ายกว่าจุดอื่น ๆ ให้ทำการติดตาข่ายโดยรอบบ้าน ทั้งบริเวณริมรั้วบ้านหรือตามช่องต่าง ๆ ของตัวบ้าน อย่างประตูและหน้าต่าง ซึ่งเป็นวิธีป้องกันไม่ให้งูเลื้อยเข้ามาในบ้านได้

 

4. ดูแลบริเวณรอบบ้านไม่ให้รก

ตัดหญ้า

 

หลายคนน่าจะรู้ดีว่างูชอบอาศัยอยู่ในที่รก ๆ ไม่ว่าจะเป็น พงหญ้าหลังบ้าน พุ่มไม้หน้าบ้าน หรือแม้แต่โพรงต่าง ๆ รอบบ้านก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่งูชอบเข้าไปอยู่ ซึ่งบางครั้งอาจจะมีการวางไข่ร่วมด้วย ดังนั้น ทุกบ้านจึงควรตัดแต่งหรือถอนพวกพงหญ้าให้เรียบร้อย และต้องไม่ลืมถมโพรงหรือรูที่อยู่รอบบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้งูเข้าไปอยู่อาศัยและขยายพันธุ์ได้

 

5. เลี้ยงสัตว์เลี้ยง

สัตว์เลี้ยง

 

นอกจากสัตว์เลี้ยงจะช่วยส่งสัญญาณผ่านเสียงและท่าทาง เพื่อให้เจ้าของบ้านรับรู้เวลาที่เห็นงูเลื้อยผ่านแล้วนั้น ยังสามารถช่วยไล่งูได้อีกด้วย เนื่องจากงูเป็นสัตว์ที่รักความสันโดษ หากสัมผัสได้ว่าในบ้านมีสัตว์ใหญ่ ก็จะเลี่ยงไม่อยู่ในบริเวณนั้น ๆ ตามธรรมชาติ อีกทั้งเสียงเห่าของสุนัขยังสามารถทำให้งูตกใจและเลื้อยหนีไปได้อีกด้วย

 

6. อุดช่องโหว่ของตัวบ้าน

ช่องโหว่

 

อีกหนึ่งวิธีไล่งูและป้องกันงูเข้าบ้าน คือ การอุดช่องโหว่ต่าง ๆ รอบตัวบ้าน เนื่องจากงูเป็นสัตว์ขนาดเล็กและไว หากละเลยการดูแลและซ่อมแซมไป จนทำให้ตัวบ้านชำรุดเสียหายและเกิดเป็นโพร่งเล็ก ๆ ก็จะทำให้งูสามารถเลื้อยเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในบ้านได้ ดังนั้น หากเจอจุดไหนของบ้านที่เริ่มชำรุด ให้รีบซ่อมแซม เพื่อปิดช่องโหว่ไม่ให้งูเล็ดลอดเข้ามาได้

 

7. กำจัดแหล่งอาหาร

กบ

 

แหล่งอาหารตามธรรมชาติของงูก็คงหนีไม่พ้นสัตว์ตัวเล็ก ๆ อย่างหนู กบ และเขียด ซึ่งหากบ้านไหนเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์เหล่านี้ ก็จะมีโอกาสเสี่ยงสูงที่งูจะเข้ามาอาศัยอยู่ ดังนั้น เจ้าของบ้านจึงควรดูแลความสะอาดโดยรอบบ้าน เพื่อไม่ให้สัตว์เหล่านี้มาขยายพันธุ์ในบริเวณบ้าน ซึ่งเป็นอีกวิธีที่ช่วยป้องกันงูเข้าบ้านได้

 

8. ปลูกต้นไม้ไล่งู

ต้นไม้ไล่งู

 

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่ามีพันธุ์ไม้ที่มีคุณสมบัติไล่งูได้ ไม่ว่าจะเป็น ต้นฟ้าทะลายโจร ต้นตะไคร้ ต้นว่านพญานาคราช ต้นดาวเรือง ต้นจิงจูฉ่าย และต้นมะกรูด เนื่องจากหากงูเลื้อยผ่านต้นไม้เหล่านี้ จะทำให้ผิวหนังของงูปวดและบวมขึ้น ดังนั้น จึงควรหาต้นไม้ไล่งูเหล่านี้มาปลูกบริเวณรอบบ้าน ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความสดชื่นได้แล้ว ยังเป็นวิธีไล่งูที่น่าสนใจอีกด้วย ซึ่งหากใครอยากหาความรู้เรื่องต้นไม้ไล่งูเพิ่มเติม สามารถตามไปอ่านได้ที่ รวม 10 ต้นไม้กันงู ไล่งูไม่ให้เข้าบ้าน ปลอดภัยไร้กังวล

 

งูเข้าบ้านทางไหนได้บ้าง?

1. ชักโครก

ชักโครก

 

ชักโครกเป็นหนึ่งจุดในบ้านที่งูสามารถเข้ามาได้ โดยที่หลายคนอาจนึกไม่ถึง ซึ่งการที่งูจะโผล่ไปที่ชักโครกในห้องน้ำในบ้านได้นั้น เกิดจากฝาบ่อพักสิ่งปฏิกูลเสียหาย จนทำให้งูเล็ดลอดเข้ามาและหาทางกลับออกไปไม่ได้ จึงเลื้อยมาโผล่ที่ชักโครกในบ้านนั่นเอง

 

2. ประตู

ประตู

 

ในช่วงกลางวันหลายบ้านมักจะชอบเปิดประตูบ้านทิ้งไว้ เพื่อให้คนในบ้านสามารถเดินเข้าออกบ้านได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้งูเลื้อยเข้ามาในบ้านได้ ดังนั้นทางที่ดีควรปิดประตูบ้านให้สนิททุกครั้ง หรืออาจจะหันมาติดประตูมุ้งจีบเพิ่มเพื่อป้องกันงู แต่ยังเดินเข้าออกบ้านได้อย่างสะดวก

 

3. หน้าต่าง

หน้าต่าง

 

เชื่อเลยว่าหลายบ้านชอบเปิดหน้าต่างทิ้งไว้เพื่อระบายอากาศ โดยเฉพาะบ้านที่มักจะทำอาหารทานเอง จึงต้องเปิดเพื่อไล่ควันและกลิ่นอาหาร ซึ่งอาจจะทำให้งูสามารถเลื้อยเข้ามาภายในบ้านได้ ดังนั้นทางที่ดีจึงควรหามุ้งลวดหน้าต่างบานเลื่อนมาติดเพิ่มเติม เพื่อป้องกันงูพร้อมระบายอากาศไปในตัว

 

4. ช่องโหว่รอบบ้าน

ช่องโหว่

 

บ้านที่สร้างมานานอาจมีการชำรุดเสียหายตามจุดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น รอยร้าวตามกำแพงบ้าน รูบริเวณหลังคาบ้าน หรือประตูหน้าต่างที่ชำรุดเป็นโพรง ซึ่งเป็นอีกช่องทางที่งูสามารถเลื้อยเข้ามาได้ ดังนั้นทุกบ้านจึงควรดูแลและซ่อมแซมบ้านให้ดี บริเวณไหนมีรูหรือรอยร้าวก็ควรซ่อมแซมให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้งูเข้ามาในบ้านได้

 

ตอนนี้ทุกคนคงรู้แล้วว่างูสามารถเข้ามาในบ้านทางไหนได้บ้าง และมีวิธีป้องกันงูเข้าบ้านแบบไหนได้บ้าง การรู้วิธีรับมือกรณีงูเข้าบ้านมาแล้วก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งจะมีขั้นตอนอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย!

 

หากงูเข้าบ้านมาแล้ว ควรทำยังไง?

1. ตั้งสติ

ตั้งสติ

 

ไม่ว่าจะเจอเหตุการณ์อันตรายอะไรในชีวิต ขั้นตอนนี้สำคัญมากที่สุด นั่นคือการตั้งสติ เพื่อควบคุมสถานการณ์ต่าง ๆ เอาไว้ ไม่ให้ลุกลามบานปลายหรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันตามมา โดยให้ควบคุมสติอารมณ์เอาไว้เมื่อเจองูเข้าบ้าน แล้วพยายามอย่าเข้าไปทำร้ายงูโดยไม่จำเป็น เพราะอาจจะเสี่ยงถูกฉกได้

 

2. ดูลักษณะของงู

งูในรั้วบ้าน

 

เมื่อเราตั้งสติได้แล้ว ให้เราสังเกตลักษณะของงูให้ดีว่ามีเอกลักษณ์เด่น ๆ อะไรบ้าง เพื่อพิจารณาว่างูที่เจอมีพิษหรือไม่ ซึ่งโดยทั่วไปงูที่ไม่มีพิษจะดุร้ายและสู้คนมากกว่างูที่มีพิษ เพราะงูมีพิษมักจะต่อสู้ต่อเมื่อโกรธหรือตกใจเท่านั้น ซึ่งงูมีพิษที่พบได้บ่อย มีดังนี้

 

  • งูเห่า เป็นงูที่มีสีเหลืองนวล สีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม หรือสีดำ มีลายตรงกลางแม่เบี้ย บริเวณด้านหลังของคอ ซึ่งเรียกว่า ลายดอกจัน
  • งูจงอาง เป็นงูที่มีสีน้ำตาลอมเขียว สีเขียวอมเทา ไปจนถึงสีเข้มเกือบดำ มีลายขวางตลอดลำตัว  เมื่อถูกรบกวนจะแผ่แม่เบี้ยแบบเดียวกับงูเห่า
  • งูสามเหลี่ยม เป็นงูที่มีสีดำสลับเหลือง มีลายปล้องขนาดเท่า ๆ กันตลอดทั้งตัว มีลักษณะตัวเป็นรูปสามเหลี่ยม
  • งูเขียวหางไหม้ท้องเหลือง เป็นงูที่มีสีเขียวอ่อน บริเวณท้อง ริมฝีปาก และคาง จะมีสีเหลืองหรือขาว และมีหางสีน้ำตาลแดง

 

3. เฝ้าสังเกตและเว้นระยะห่าง

งูเข้าบ้าน

 

เมื่อบังเอิญเจองูในบ้านให้คอยสังเกตว่างูเลื้อยไปทางไหน เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา หรือหากต้องเผชิญหน้ากับงู ให้ขยับถอยหลังออกแบบช้า ๆ เนื่องจากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว จะทำให้งูตกใจกลัวและพุ่งเข้าทำร้ายได้นั่นเอง

 

4. แจ้งหน่วยกู้ภัย

แจ้งกู้ภัย

 

หลังจากควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้แล้ว ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญและมีอุปกรณ์ในการจับงู เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบริเวณนั้น โดยสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ที่นี่

 

  • โทร. 199 สำหรับแจ้งอัคคีภัยหรือสัตว์เข้าบ้าน
  • โทร. 1677 สำหรับติดต่อสถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน
  • โทร. 1669 สำหรับติดต่อสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ในกรณีโดนกัด

 

 

วิธีไล่งูออกจากบ้าน เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว

ทั้งหมดนี้คือ 8 วิธีไล่งูออกจากบ้านและป้องกันงูเข้าบ้าน เพื่อช่วยให้คนในบ้านปลอดภัยและใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเจออันตรายจากงู โดยวิธีไล่งูออกจากบ้านเหล่านี้ น่าจะพอเป็นประโยชน์ต่อใครหลาย ๆ คนได้ไม่มากก็น้อย

 

เพิ่มความรู้เรื่องการดูแลบ้านแบบมืออาชีพ ได้ที่นี่!

 

 

เอพีไทยแลนด์ ช่วยเติมเต็มความหมายของชีวิต

เลือกเป็นเจ้าของโครงการบ้านจาก เอพีไทยแลนด์ เพื่อสร้างชีวิตดี ๆ บนพื้นที่ความสุขที่เราเลือกเอง ไม่ว่าจะเป็น โครงการบ้านเดี่ยวพื้นที่กว้างขวางเป็นส่วนตัว ทาวน์โฮมหรือบ้านแฝดดีไซน์สวย คอนโดมิเนียมทำเลติดรถไฟฟ้าเดินทางง่าย และโฮมออฟฟิศฟังก์ชันเจ๋งที่รองรับทุกธุรกิจ สามารถเลือกได้ตามต้องการ เพราะ “บ้าน” ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย

 

 

EMPOWER LIVING อยู่ .. เพื่อทุกความหมายของคุณ