MAIN POINT
- วิธีไล่งูออกจากบ้านและป้องกันงูเข้าบ้าน ประกอบไปด้วย เทน้ำมันกลิ่นฉุนรอบบ้าน, ใช้ผงกำมะถันไล่งู, ติดตาข่ายโดยรอบ, ดูแลบริเวณรอบบ้านไม่ให้รก, เลี้ยงสัตว์เลี้ยง, อุดช่องโหว่ของตัวบ้าน, กำจัดแหล่งอาหาร และปลูกต้นไม้ไล่งู
- โดยงูสามารถเข้ามาภายในบ้านได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น ชักโครก, ประตู, หน้าต่าง และช่องโหว่รอบบ้าน ซึ่งหากเกิดเหตุงูเข้าบ้าน ทุกคนจะต้องตั้งสติ, ดูลักษณะของงู, เฝ้าสังเกตพร้อมเว้นระยะห่าง และแจ้งหน่วยกู้ภัยเพื่อรับการช่วยเหลือ
ข่าวงูเข้าบ้านทั้งในทีวีและโลกโซเชียล คงทำให้หลายบ้านขนลุกขนพองกันไม่น้อย เพราะนอกจากหลายคนจะกลัวงูเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว งูบางชนิดที่เข้าบ้านมายังเป็นงูมีพิษที่เป็นอันตรายต่อสมาชิกทุกคนในบ้าน วันนี้ AP Thai เลยรวบรวม 8 วิธีไล่งูที่จะมาช่วยไล่และป้องกันงูไม่ให้เข้ามาเพ่นพ่านในบริเวณบ้านของเรา ว่าแต่จะมีวิธีไล่งูออกจากบ้านแบบไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลย!
8 วิธีไล่งูและวิธีป้องกันงูเข้าบ้าน มีอะไรบ้าง?
1. เทน้ำมันกลิ่นฉุนรอบบ้าน
เนื่องจากงูเป็นสัตว์ที่ไม่ชอบกลิ่นแรง ๆ หากช่วงไหนคนในบ้านเริ่มเห็นงูมาป้วนเปี้ยนบริเวณบ้าน ให้หาน้ำมันที่มีกลิ่นฉุน ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันสน น้ำมันเครื่อง หรือน้ำมันก๊าด มาราดบริเวณรอบ ๆ บ้านหรือในจุดเสี่ยงที่พบเห็นงู เพื่อเป็นการไล่งูออกจากบ้าน
2. ใช้ผงกำมะถันไล่งู
อีกหนึ่งตัวช่วยที่สามารถไล่งูให้ออกห่างจากตัวบ้านได้ โดยการเอาผงกำมะถันไปผสมกับน้ำ แล้วคนให้ผงกับน้ำละลายเข้ากันดี จากนั้นเอาไปเทให้รอบบ้าน โดยเน้นในบริเวณที่เสี่ยง อย่างพงหญ้าหลังบ้านหรือในจุดที่พบเห็นงู ซึ่งผงกำมะถันที่มีกลิ่นฉุนจะช่วยไล่งูให้ไปที่อื่นนั่นเอง
3. ติดตาข่ายโดยรอบ
สำหรับบ้านใครที่อยู่ใกล้ป่าหรือบริเวณที่มีต้นไม้เยอะ ๆ อาจมีโอกาสเสี่ยงที่งูจะเข้าบ้านได้ง่ายกว่าจุดอื่น ๆ ให้ทำการติดตาข่ายโดยรอบบ้าน ทั้งบริเวณริมรั้วบ้านหรือตามช่องต่าง ๆ ของตัวบ้าน อย่างประตูและหน้าต่าง ซึ่งเป็นวิธีป้องกันไม่ให้งูเลื้อยเข้ามาในบ้านได้
4. ดูแลบริเวณรอบบ้านไม่ให้รก
หลายคนน่าจะรู้ดีว่างูชอบอาศัยอยู่ในที่รก ๆ ไม่ว่าจะเป็น พงหญ้าหลังบ้าน พุ่มไม้หน้าบ้าน หรือแม้แต่โพรงต่าง ๆ รอบบ้านก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่งูชอบเข้าไปอยู่ ซึ่งบางครั้งอาจจะมีการวางไข่ร่วมด้วย ดังนั้น ทุกบ้านจึงควรตัดแต่งหรือถอนพวกพงหญ้าให้เรียบร้อย และต้องไม่ลืมถมโพรงหรือรูที่อยู่รอบบ้าน เพื่อป้องกันไม่ให้งูเข้าไปอยู่อาศัยและขยายพันธุ์ได้
5. เลี้ยงสัตว์เลี้ยง
นอกจากสัตว์เลี้ยงจะช่วยส่งสัญญาณผ่านเสียงและท่าทาง เพื่อให้เจ้าของบ้านรับรู้เวลาที่เห็นงูเลื้อยผ่านแล้วนั้น ยังสามารถช่วยไล่งูได้อีกด้วย เนื่องจากงูเป็นสัตว์ที่รักความสันโดษ หากสัมผัสได้ว่าในบ้านมีสัตว์ใหญ่ ก็จะเลี่ยงไม่อยู่ในบริเวณนั้น ๆ ตามธรรมชาติ อีกทั้งเสียงเห่าของสุนัขยังสามารถทำให้งูตกใจและเลื้อยหนีไปได้อีกด้วย
6. อุดช่องโหว่ของตัวบ้าน
อีกหนึ่งวิธีไล่งูและป้องกันงูเข้าบ้าน คือ การอุดช่องโหว่ต่าง ๆ รอบตัวบ้าน เนื่องจากงูเป็นสัตว์ขนาดเล็กและไว หากละเลยการดูแลและซ่อมแซมไป จนทำให้ตัวบ้านชำรุดเสียหายและเกิดเป็นโพร่งเล็ก ๆ ก็จะทำให้งูสามารถเลื้อยเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในบ้านได้ ดังนั้น หากเจอจุดไหนของบ้านที่เริ่มชำรุด ให้รีบซ่อมแซม เพื่อปิดช่องโหว่ไม่ให้งูเล็ดลอดเข้ามาได้
7. กำจัดแหล่งอาหาร
แหล่งอาหารตามธรรมชาติของงูก็คงหนีไม่พ้นสัตว์ตัวเล็ก ๆ อย่างหนู กบ และเขียด ซึ่งหากบ้านไหนเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของสัตว์เหล่านี้ ก็จะมีโอกาสเสี่ยงสูงที่งูจะเข้ามาอาศัยอยู่ ดังนั้น เจ้าของบ้านจึงควรดูแลความสะอาดโดยรอบบ้าน เพื่อไม่ให้สัตว์เหล่านี้มาขยายพันธุ์ในบริเวณบ้าน ซึ่งเป็นอีกวิธีที่ช่วยป้องกันงูเข้าบ้านได้
8. ปลูกต้นไม้ไล่งู
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่ามีพันธุ์ไม้ที่มีคุณสมบัติไล่งูได้ ไม่ว่าจะเป็น ต้นฟ้าทะลายโจร ต้นตะไคร้ ต้นว่านพญานาคราช ต้นดาวเรือง ต้นจิงจูฉ่าย และต้นมะกรูด เนื่องจากหากงูเลื้อยผ่านต้นไม้เหล่านี้ จะทำให้ผิวหนังของงูปวดและบวมขึ้น ดังนั้น จึงควรหาต้นไม้ไล่งูเหล่านี้มาปลูกบริเวณรอบบ้าน ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความสดชื่นได้แล้ว ยังเป็นวิธีไล่งูที่น่าสนใจอีกด้วย ซึ่งหากใครอยากหาความรู้เรื่องต้นไม้ไล่งูเพิ่มเติม สามารถตามไปอ่านได้ที่ รวม 10 ต้นไม้กันงู ไล่งูไม่ให้เข้าบ้าน ปลอดภัยไร้กังวล
งูเข้าบ้านทางไหนได้บ้าง?
1. ชักโครก
ชักโครกเป็นหนึ่งจุดในบ้านที่งูสามารถเข้ามาได้ โดยที่หลายคนอาจนึกไม่ถึง ซึ่งการที่งูจะโผล่ไปที่ชักโครกในห้องน้ำในบ้านได้นั้น เกิดจากฝาบ่อพักสิ่งปฏิกูลเสียหาย จนทำให้งูเล็ดลอดเข้ามาและหาทางกลับออกไปไม่ได้ จึงเลื้อยมาโผล่ที่ชักโครกในบ้านนั่นเอง
2. ประตู
ในช่วงกลางวันหลายบ้านมักจะชอบเปิดประตูบ้านทิ้งไว้ เพื่อให้คนในบ้านสามารถเดินเข้าออกบ้านได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้งูเลื้อยเข้ามาในบ้านได้ ดังนั้นทางที่ดีควรปิดประตูบ้านให้สนิททุกครั้ง หรืออาจจะหันมาติดประตูมุ้งจีบเพิ่มเพื่อป้องกันงู แต่ยังเดินเข้าออกบ้านได้อย่างสะดวก
3. หน้าต่าง
เชื่อเลยว่าหลายบ้านชอบเปิดหน้าต่างทิ้งไว้เพื่อระบายอากาศ โดยเฉพาะบ้านที่มักจะทำอาหารทานเอง จึงต้องเปิดเพื่อไล่ควันและกลิ่นอาหาร ซึ่งอาจจะทำให้งูสามารถเลื้อยเข้ามาภายในบ้านได้ ดังนั้นทางที่ดีจึงควรหามุ้งลวดหน้าต่างบานเลื่อนมาติดเพิ่มเติม เพื่อป้องกันงูพร้อมระบายอากาศไปในตัว
4. ช่องโหว่รอบบ้าน
บ้านที่สร้างมานานอาจมีการชำรุดเสียหายตามจุดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น รอยร้าวตามกำแพงบ้าน รูบริเวณหลังคาบ้าน หรือประตูหน้าต่างที่ชำรุดเป็นโพรง ซึ่งเป็นอีกช่องทางที่งูสามารถเลื้อยเข้ามาได้ ดังนั้นทุกบ้านจึงควรดูแลและซ่อมแซมบ้านให้ดี บริเวณไหนมีรูหรือรอยร้าวก็ควรซ่อมแซมให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้งูเข้ามาในบ้านได้
ตอนนี้ทุกคนคงรู้แล้วว่างูสามารถเข้ามาในบ้านทางไหนได้บ้าง และมีวิธีป้องกันงูเข้าบ้านแบบไหนได้บ้าง การรู้วิธีรับมือกรณีงูเข้าบ้านมาแล้วก็เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งจะมีขั้นตอนอะไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย!
หากงูเข้าบ้านมาแล้ว ควรทำยังไง?
1. ตั้งสติ
ไม่ว่าจะเจอเหตุการณ์อันตรายอะไรในชีวิต ขั้นตอนนี้สำคัญมากที่สุด นั่นคือการตั้งสติ เพื่อควบคุมสถานการณ์ต่าง ๆ เอาไว้ ไม่ให้ลุกลามบานปลายหรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันตามมา โดยให้ควบคุมสติอารมณ์เอาไว้เมื่อเจองูเข้าบ้าน แล้วพยายามอย่าเข้าไปทำร้ายงูโดยไม่จำเป็น เพราะอาจจะเสี่ยงถูกฉกได้
2. ดูลักษณะของงู
เมื่อเราตั้งสติได้แล้ว ให้เราสังเกตลักษณะของงูให้ดีว่ามีเอกลักษณ์เด่น ๆ อะไรบ้าง เพื่อพิจารณาว่างูที่เจอมีพิษหรือไม่ ซึ่งโดยทั่วไปงูที่ไม่มีพิษจะดุร้ายและสู้คนมากกว่างูที่มีพิษ เพราะงูมีพิษมักจะต่อสู้ต่อเมื่อโกรธหรือตกใจเท่านั้น ซึ่งงูมีพิษที่พบได้บ่อย มีดังนี้
- งูเห่า เป็นงูที่มีสีเหลืองนวล สีน้ำตาลอ่อนถึงเข้ม หรือสีดำ มีลายตรงกลางแม่เบี้ย บริเวณด้านหลังของคอ ซึ่งเรียกว่า ลายดอกจัน
- งูจงอาง เป็นงูที่มีสีน้ำตาลอมเขียว สีเขียวอมเทา ไปจนถึงสีเข้มเกือบดำ มีลายขวางตลอดลำตัว เมื่อถูกรบกวนจะแผ่แม่เบี้ยแบบเดียวกับงูเห่า
- งูสามเหลี่ยม เป็นงูที่มีสีดำสลับเหลือง มีลายปล้องขนาดเท่า ๆ กันตลอดทั้งตัว มีลักษณะตัวเป็นรูปสามเหลี่ยม
- งูเขียวหางไหม้ท้องเหลือง เป็นงูที่มีสีเขียวอ่อน บริเวณท้อง ริมฝีปาก และคาง จะมีสีเหลืองหรือขาว และมีหางสีน้ำตาลแดง
3. เฝ้าสังเกตและเว้นระยะห่าง
เมื่อบังเอิญเจองูในบ้านให้คอยสังเกตว่างูเลื้อยไปทางไหน เพื่อให้ง่ายต่อการค้นหา หรือหากต้องเผชิญหน้ากับงู ให้ขยับถอยหลังออกแบบช้า ๆ เนื่องจากการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว จะทำให้งูตกใจกลัวและพุ่งเข้าทำร้ายได้นั่นเอง
4. แจ้งหน่วยกู้ภัย
หลังจากควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้แล้ว ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญและมีอุปกรณ์ในการจับงู เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในบริเวณนั้น โดยสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ที่นี่
- โทร. 199 สำหรับแจ้งอัคคีภัยหรือสัตว์เข้าบ้าน
- โทร. 1677 สำหรับติดต่อสถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน
- โทร. 1669 สำหรับติดต่อสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ในกรณีโดนกัด
วิธีไล่งูออกจากบ้าน เพื่อความปลอดภัยของทุกคนในครอบครัว
ทั้งหมดนี้คือ 8 วิธีไล่งูออกจากบ้านและป้องกันงูเข้าบ้าน เพื่อช่วยให้คนในบ้านปลอดภัยและใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเจออันตรายจากงู โดยวิธีไล่งูออกจากบ้านเหล่านี้ น่าจะพอเป็นประโยชน์ต่อใครหลาย ๆ คนได้ไม่มากก็น้อย
เพิ่มความรู้เรื่องการดูแลบ้านแบบมืออาชีพ ได้ที่นี่!
- ไขข้อสงสัย แอร์ไม่เย็นเกิดจากอะไร? มีวิธีแก้ยังไงบ้าง?
- บอกต่อ! วิธีแก้ห้องเหม็นอับ ให้กลับมาหอมสะอาดสดชื่น
- แจกวิธีทำความสะอาดโซฟาผ้า ทริคง่าย ๆ น่ารู้ ทำเองได้ไม่ยาก
เอพีไทยแลนด์ ช่วยเติมเต็มความหมายของชีวิต
เลือกเป็นเจ้าของโครงการบ้านจาก เอพีไทยแลนด์ เพื่อสร้างชีวิตดี ๆ บนพื้นที่ความสุขที่เราเลือกเอง ไม่ว่าจะเป็น โครงการบ้านเดี่ยวพื้นที่กว้างขวางเป็นส่วนตัว ทาวน์โฮมหรือบ้านแฝดดีไซน์สวย คอนโดมิเนียมทำเลติดรถไฟฟ้าเดินทางง่าย และโฮมออฟฟิศฟังก์ชันเจ๋งที่รองรับทุกธุรกิจ สามารถเลือกได้ตามต้องการ เพราะ “บ้าน” ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย
EMPOWER LIVING อยู่ .. เพื่อทุกความหมายของคุณ