KNOW HOW
  • Witty Hacks

รวม 9 วิธีซักผ้าให้หอมติดทนนาน แม่บ้านมือใหม่ต้องรู้

ใครอยากให้เสื้อผ้ามีกลิ่นหอม ติดทนนาน ตั้งแต่เช้าจรดเย็น เหมือนส่งผ้าเข้าร้านซักรีดทุกวันบ้าง เอพีรวมเคล็ดลับ 9 ข้อทำตามได้ง่ายๆ  ตั้งแต่เริ่มซักผ้าจนถึงการตากเพื่อให้ผ้าของเราหอมทน ในทุกๆ ขั้นตอนแน่นอน!

AP THAILAND

AP THAILAND

วิธีซักผ้าให้หอมติดทนนาน

MAIN POINT 

 

  • หลายๆ คนอาจเผชิญปัญหาของกลิ่น ทั้งจากฝุ่นและควันในเมือง คราบสกปรกและอื่นๆ ทำให้กลิ่นเสื้อผ้าไม่หอมเหมือนตอนซักใหม่ๆ อาจเป็นกังวลอยู่เพราะกลิ่นหอมจากเสื้อผ้าหมายถึงภาพลักษณ์ที่ดี และความมั่นใจที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
  • การทำให้เสื้อผ้าหอมติดทนยาวนานไม่ยาก สามารถทำตามได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะแบ่งประเภทผ้า อย่าซักในปริมาณที่มากเกินไป ใช้น้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรที่ตรงความต้องการ ตลอดจนเรื่องของพื้นที่ของบ้านที่เหมาะสมกับการตากผ้า

 

รวม 9 วิธีซักผ้าให้หอมติดทนนาน แม่บ้านมือใหม่ต้องรู้

 

เพราะงานบ้านหนึ่งอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยคือการซักผ้า ยิ่งสำหรับคนวัยทำงานด้วยแล้วที่ต้องออกไปข้างนอก เผชิญฝุ่นและควันต่างๆ อยู่ตลอดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย ดังนั้นกว่าจะถึงที่ทำงาน เสื้อผ้าก็ไม่ได้ส่งกลิ่นหอมเหมือนตอนออกจากบ้านแล้ว ต้องหาน้ำหอมมาฉีดดับกลิ่นกันให้วุ่นวาย สำหรับใครที่มีปัญหานี้อยู่ สามารถคลายความกังวลได้เพราะวันนี้เอพีมีเคล็ดลับดีๆ ที่จะช่วยให้การซักผ้าเป็นเรื่องง่ายขึ้น และยังมีกลิ่นหอม ติดทนมากขึ้น เหมือนว่าเข้าร้านซักรีดมืออาชีพเลย 

 

ทำไมซักเท่าไรผ้าก็ไม่หอมสักที

 

ก่อนจะไปถึงวิธีการและเคล็ดลับที่จะช่วยให้ผ้าหอมทนมากขึ้น ต้องย้อนมาดูก่อนว่าอะไรคือปัญหาที่ทำให้ผ้าของเราไม่หอมบ้าง โดยเอพีสรุปมาให้ทั้งหมด 4 ประเด็นหลัก เก็บไว้เป็นเช็กลิสต์กันได้เลย

 

  • ถังซักไม่สะอาดเพียงพอ

แน่นอนว่าส่วนที่ผ้าสัมผัสมากที่สุดคือถังซักผ้านั่นเอง เจ้าถังซักผ้าจึงเป็นส่วนสำคัญที่เราไม่ควรละเลย ยิ่งถ้าใช้มานานแต่ไม่เคยทำความสะอาดก็เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค และมีโอกาสติดมากับเสื้อผ้าของเราได้ เราควรทำความสะอาดถังซักผ้าทุกๆ 2 อาทิตย์ ด้วยการใช้น้ำอุ่นลงไปปั่นร่วมกับน้ำยาล้างเครื่องซักผ้า เพื่อกำจัดเชื้อโรคที่อาจเกิดสะสมขึ้นนั่นเอง

 

  • การแช่ผ้านานเกินไป

บางคนอาจจะเข้าใจผิดว่าการแช่ผ้านานๆ จะช่วยทำให้คราบสกปรกที่ติดอยู่หายไปได้ทั้งไม่ว่าจะแช่ในกะละมังหรือในโหมดแช่ผ้าของเครื่องซักผ้าเองก็ตาม  เวลาในการแช่ผ้าที่เหมาะสมจริงๆ อยู่ที่ 15-20 นาทีเท่านั้น หรือสำหรับใครที่ไม่อยากรอเวลาก็อาจใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือตัวช่วยอื่นๆ มาใช้งานก็ได้เช่นเดียวกัน เพราะในปัจจุบันนวัตกรรมการซักผ้านั้นพัฒนาออกมาค่อนข้างดีเพื่อช่วยร่นระยะเวลาของการซักผ้าได้

 

  • จุดที่ตากผ้าที่ไม่เหมาะสม

บางคนอาศัยอยู่คอนโด หรือบ้านที่มีพื้นที่คับแคบ อาจจะมีแดงส่องไม่ทั่วถึงจึงกลายเป็นอุปสรรคสำคัญของการซักผ้าได้ สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงเลยคือเรื่องของจุดตากผ้าที่เหมาะสม คือทั้งมีลมโกรกตลอดวัน และมีแสงแดดส่องอย่างเพียงพอ 

 

  • การดูแลผ้าไม่ดีเท่าที่ควร

ปัจจัยหนึ่งที่หลายคนอาจมองข้ามคือเรื่องของการดูแลเสื้อผ้า ทั้งในเรื่องของการเข้าใจเนื้อผ้าและวิธีการรักษา เรื่องของการใช้น้ำหอมที่มีแอลกฮอล์ ไปจนถึงการรีดผ้าที่อาจทำลายเนื้อผ้าได้โดยไม่รู้ตัวก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผ้าของเราซักแล้วไม่หอมได้

 

 

 

9 วิธีซักผ้ายังไงให้หอมทน เหมือนส่งร้านซักรีด

1. รู้จักประเภทเนื้อผ้า

 

ก่อนอื่นเลยเราต้องทำความเข้าใจในเนื้อผ้าก่อนว่ามีประเภทอะไรบ้าง และมีวิธีการดูแลรักษา ซัก รีดอย่างไร ผ้าบางชนิดอาจจะต้องซักด้วยน้ำร้อน น้ำอุ่น หรือน้ำธรรมดา บางชนิดไม่สามารถซักด้วยเครื่องได้ต้องใช้มือเพียงอย่างเดียว โดยปกติแล้วสามารถสังเกตได้จากฉลากระบุวิธีการดูแลเสื้อผ้าที่ติดมากับเสื้อผ้าอยู่แล้ว นอกจากนั้นแล้วยังสามารถเป็นทริกในการใช้เลือกเสื้อตัวต่อไปได้อีกด้วย เช่น ถ้าเราเป็นคนไม่มีเวลาก็อาจจะเลือกเนื้อผ้าประเภทที่ไม่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ก็จะประหยัดเวลาเพิ่มขึ้นได้

 

2. ไม่ควรซักผ้าในปริมาณที่มากไป

 

หลายคนอาจเข้าใจว่าการซักผ้าสามารถกองไว้แล้วซักพร้อมกันทีเดียวได้ แต่จริงๆ เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะหนึ่งในเคล็ดลับของการซักผ้าให้หอมสะอาด คือต้องซักในปริมาณที่พอดี ไม่มากจนเกินไป เพราะเมื่อเราซักในปริมาณที่มาก การกระจายตัวของน้ำยาซักผ้าและน้ำยาปรับผ้านุ่มจะทำงานได้อย่างไม่ทั่วถึง ตลอดจนคราบสกปรกและกลิ่นเหม็นอับในบางจุดอาจไม่ถูกขจัดได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การซักต่อหนึ่งครั้งจึงควรมีปริมาณอยู่ที่ครึ่งถังซักเท่านั้น

 

3. แยกผ้าแต่ละประเภทก่อนซัก

 

อีกทริกง่ายๆ ที่ทำตามกันได้คือการแยกผ้าก่อนซัก  ไม่ว่าจะแยกระหว่างกางเกง เสื้อ ชุดชั้นใน ผ้าสี ผ้าขาว  วิธีนี้จะช่วยทั้งในเรื่องของความเป็นระเบียบเรียบร้อย ยังช่วยให้ผ้าหอมขึ้นได้อีกด้วย เพราะอย่างที่บอกในข้อด้านบนว่าถ้าซักมากเกินไปผ้าจะไม่สะอาดทุกจุด เมื่อเราแยกซัก พร้อมแบ่งประเภทของผ้าให้ถูกต้องแล้วจะทำให้ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้นนั่นเอง

 

4. เลือกผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรพิเศษ

 

การเลือกใช้ผงซักฟอกและน้ำยาปรับผ้านุ่มก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยได้เหมือนกัน โดยแต่ละยี่ห้อก็จะมีสูตรที่แตกต่างกันออกไป สำหรับผงซักฟอกให้เลือกใช้สูตรที่เข้มข้ม ลดกลิ่นอับ และฆ่าแบททีเรีย ควบคู่ไปกับการใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มเสมอ สำหรับใครที่บ้านไม่ได้มีพื้นที่มากสำหรับการตากผ้านัก อาจเลือกใช้น้ำยาสูตรเน้นลดกลิ่นอับก็ได้เช่นกัน

 

5.น้ำร้อนช่วยได้

 

นี่อาจจะเป็นเคล็ดลับที่หลายคนไม่รู้ คือการใช้น้ำร้อนเข้ามาช่วยนั่นเอง วิธีง่ายๆ คือนำผ้ามาแช่ในน้ำร้อนก่อน 15-20 นาที เพราะน้ำร้อนจะช่วยทำให้เสื้อผ้าไม่เกิดคราบผงซักฟอกและช่วยละลายผงซักฟอกได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังกำจัดไรฝุ่น ไปจนถึงขนแมว และแบคทีเรีย ที่ติดอยู่ตามเสื้อเราก็ถูกขจัดออกไปด้วยเหมือนกัน ยิ่งกว่านั้นหากเสื้อมีคราบเปื้อนน้ำร้อนก็จะช่วยให้คราบนั้นหลุดง่ายชึ้นกว่าเดิม 

 

6.เมื่อซักเสร็จให้รีบตาก

 

ข้อนี้สำคัญสุดๆ ถ้าต้องการให้ผ้าหอมยาวนาน คือเมื่อเราซักผ้าหรือปั่นแห้งเสร็จแล้ว ควรรีบน้ำเสื้อผ้าออกมาตากให้ไวที่สุด ไม่ควรทิ้งค้างไว้ในถังซักนานจนเกินไป เพราะยิ่งทิ้งไว้นานเท่าไรก็จะเสี่ยงให้ผ้าเกิดกลิ่นเหม็นอับชื้นขึ้นมาได้ หากเกิดขึ้นในกรณีนั้นก็จะต้องเสียเวลาซักกันใหม่อีกรอบหนึ่ง เคล็ดลับคือเมื่อกดซักผ้าแล้วให้ตั้งนาฬิกาไว้เพื่อเตือนเราเมื่อซักเสร็จ รับรองไม่ลืมตากแน่นอน

 

7.พื้นที่ของการตากก็เป็นเรื่องสำคัญ

 

พื้นที่ในการวางราวตากผ้าก็สำคัญเหมือนกัน หากต้องการให้ผ้าส่งกลิ่นหอมไปนานๆ ทริกข้อแรกคือไม่ควรตากกลางแจ้งหรือโดนแสงแดดแรงจัด เพราะอาจจะพาให้เนื้อผ้าเสียหายและติดกลิ่นเหม็นแดดมาด้วย วิธีที่แนะนำคือการตากไว้ในที่ร่มแต่ต้องมีอากาศถ่ายเทได้ดี ลมโกรกหรือลมพัดผ่านตลอดทั้งวัน พร้อมเว้นระยะการตากเสื้อให้พอดี ข้อห้ามเด็ดขาดคือไม่ควรนำไปตากในที่จุดอับ ไม่อย่างนั้นแล้วผ้าเราจะได้กลิ่นอับแทนกลิ่นหอมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แทน

 

8.ใช้เครื่องอบผ้า

 

อีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับคนงานยุ่ง เวลาน้อย พื้นที่ในการตากผ้าจำกัดคือการใช้เครื่องอบผ้านั่นเอง วิธีนี้จะช่วยให้ผ้าหอม และช่วยทำให้ผ้าที่ซักเสร็จใหม่แห้งเร็วมากขึ้น ไม่ทำให้เกิดกลิ่นอับตามมาในภายหลัง อีกทั้งเทคโนโลยีสมัยนี้ที่ก้าวกระโดดขึ้นมา สามารถเลือกฟังก์ชันและการตั้งเวลาที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ได้มากขึ้น ทั้งสะดวกและหอมไปพร้อมๆ กัน

 

9. ฉีดผ้าด้วยสเปรย์ผ้าหอมก่อนเก็บ

 

วิธีสุดท้ายก่อนจะเก็บผ้าเข้าตู้เสื้อผ้า อาจเลือกฉีดสเปรย์ผ้าหอมลงบนเสื้อก่อนเก็บ หรือขณะรีดผ้า เพื่อเพิ่มความหอมให้ยาวนานมากขึ้น ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความหอมให้ผ้าแล้วยังช่วยลดกลิ่นอับที่จะเกิดขึ้นในตู้เสื้อผ้าของเราได้ดีอีกด้วย

 

 

เสื้อผ้ากลิ่นหอมติดทนนาน เพิ่มบุคลิกภาพและความมั่นใจ

การที่เสื้อผ้าหอมนั้นช่วยในเรื่องของภาพลักษณ์และบุคลิกภาพที่ดีด้วย ตลอดจนเรื่องของความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น จากทั้ง 9 เคล็ดลับที่เอพีคัดสรรมาให้อย่างดี จะเห็นว่าอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ ‘บ้าน’ นั่นเอง เพราะบ้านที่ดีต้องมีทั้งพื้นที่ถ่ายเท ความกว้างเหมาะสม และมีแสงแดดส่องอย่างทั่วถึง บ้านของเอพีที่ใส่ใจคุณไม่แพ้กันจึงออกแบบมาเพื่อรองรับในทุกๆ กิจกรรมของชีวิตประจำวันรวมถึงเรื่องเล็กๆ อย่างการซักและตากผ้าด้วยเช่นเดียวกัน 

 

เอพี ไทยแลนด์ เติมเต็มเป้าหมาย ชีวิตดี ๆ ในพื้นที่ความสุขที่เราเลือกเองได้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการบ้านเดี่ยวพื้นที่กว้างขวางเป็นส่วนตัว ทาวน์โฮมหรือบ้านแฝดดีไซน์สวย คอนโดมิเนียมทำเลติดรถไฟฟ้าเดินทางง่าย และโฮมออฟฟิศฟังก์ชันเจ๋ง รองรับทุกธุรกิจ ก็เลือกให้ตอบโจทย์ได้เลย เพราะ “บ้าน” ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย

 

 

EMPOWER LIVING อยู่ .. เพื่อทุกความหมายของคุณ

RELATED ARTICLES