MAIN POINT
- หากเริ่มผ่อนบ้านหรือคอนโดไม่ไหว ควรรีบติดต่อธนาคารเพื่อเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ เช่น ลดดอกเบี้ย ขยายระยะเวลาผ่อน หรือพักชำระเงินต้นชั่วคราว เพื่อให้ค่างวดเหมาะสมกับรายได้ และหากยังไม่ดีขึ้นสามารถพิจารณาขายต่อเพื่อนำเงินมาปิดบัญชี ก่อนปัญหาบานปลายจนถึงขั้นถูกฟ้องหรือยึดทรัพย์
- หากผ่อนบ้านไม่ไหวและไม่ติดต่อธนาคาร ธนาคารจะฟ้องศาลเพื่อยึดทรัพย์และขายทอดตลาดเพื่อนำเงินมาชำระหนี้ ซึ่งจะถูกบันทึกเป็นประวัติค้างชำระในเครดิตบูโร ส่งผลให้การขอสินเชื่อในอนาคตทำได้ยากขึ้น
เมื่อภาระผ่อนบ้านหรือคอนโดเริ่มเกินกำลัง จากหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยที่ปรับสูง รายได้ไม่แน่นอน หรือการใช้จ่ายเกินแผน ผู้กู้ควรเร่งจัดการก่อนปัญหาลุกลามจนผ่อนบ้านไม่ไหว AP Thai แนะนำ 7 ทางออกเพื่อรับมือในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง ช่วยลดภาระทางการเงิน รวมถึงรักษาบ้านและเครดิตทางการเงินไว้อย่างมั่นคง
7 วิธีรับมือเมื่อผ่อนบ้าน-ผ่อนคอนโดไม่ไหว

1. ขอขยายระยะเวลาชำระหนี้เพิ่มขึ้น
ผู้กู้สามารถติดต่อธนาคารเจ้าหนี้โดยตรงเพื่อแจ้งความประสงค์ขอขยายระยะเวลาผ่อนชำระ เช่น จาก 20 ปี เป็น 25-30 ปี เพื่อให้ค่างวดรายเดือนลดลง แม้จะทำให้ดอกเบี้ยรวมที่จ่ายตลอดสัญญาเพิ่มขึ้น แต่หากมีสภาพคล่องดีขึ้นในภายหลัง ผู้กู้สามารถเร่งปิดหนี้ เพื่อช่วยประหยัดดอกเบี้ยในระยะยาวได้
2. ขอพักชำระเงินต้น โดยจะชำระเฉพาะดอกเบี้ย
การขอพักชำระเงินต้น เป็นอีกหนึ่งทางออกที่ช่วยให้ผู้กู้มีสภาพคล่องทางการเงินดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่อนบ้านไม่ไหว โดยทั่วไปธนาคารจะอนุมัติให้พักชำระเงินต้นได้ประมาณ 3-6 เดือน และในบางกรณีอาจขยายได้สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน
ทั้งนี้สามารถใช้สิทธินี้ได้เพียงครั้งเดียวต่อสัญญาเงินกู้ เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาพักชำระผู้กู้สามารถทยอยโปะเงินต้นเพิ่มเติม เพื่อชดเชยช่วงเวลาที่พักชำระเงินต้นไว้ ซึ่งจะช่วยลดดอกเบี้ยสะสมและยอดหนี้โดยรวมได้
3. ขอพักชำระหนี้ทั้งก้อน ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย
ผู้กู้สามารถติดต่อธนาคารเพื่อหยุดชำระหนี้ทั้งหมดชั่วคราว โดยทั่วไปธนาคารจะอนุมัติให้พักชำระหนี้ผ่อนบ้านได้ประมาณ 3-6 เดือน เพื่อให้ผู้กู้ไม่ต้องจ่ายค่างวดในช่วงดังกล่าว แต่ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นในช่วงพักชำระอาจถูกนำไปรวมกับเงินต้นเดิม หรือถูกเรียกเก็บภายหลังเมื่อครบกำหนดระยะเวลาพักชำระ
4. ขอลดอัตราดอกเบี้ยให้น้อยลง
หากเริ่มมีภาระผ่อนบ้านหรือคอนโดเกินกำลัง ควรรีบติดต่อธนาคารเจ้าหนี้เพื่อขอลดอัตราดอกเบี้ยเป็นกรณีพิเศษ (Retention) โดยเฉพาะในกรณีที่ผ่อนมาแล้วเกิน 3 ปี ซึ่งมักเป็นช่วงที่สิ้นสุดอัตราดอกเบี้ยคงที่ และเข้าสู่ช่วงอัตราดอกเบี้ยลอยตัวที่สูงขึ้น โดยธนาคารจะพิจารณาตามประวัติการชำระเงิน ความสม่ำเสมอของรายได้ และความสามารถในการชำระหนี้ในอนาคต ซึ่งผู้กู้สามารถเจรจากับธนาคารได้ เพื่อ
- ขอให้ธนาคารพิจารณาการปรับโครงสร้างหนี้ ด้วยการลดอัตราดอกเบี้ย (Retention)
- ขอลดอัตราดอกเบี้ยชั่วคราว ในระยะเวลา 3-6 เดือน หากมีปัญหาทางการเงินระยะสั้น
5. ขอชำระค่าผ่อนบ้านต่ำกว่างวดปกติ
หากผู้กู้เริ่มผ่อนบ้านไม่ไหว อาจขอชำระค่าบ้านในแต่ละงวดให้น้อยลงกว่าปกติชั่วคราว โดยยอดชำระต่อเดือนยังสูงกว่ายอดดอกเบี้ยต่อเดือนอย่างน้อย 500 บาท สามารถขอผ่อนต่ำกว่าปกติได้ครั้งเดียว และระยะเวลาผ่อนชำระต่ำกว่าปกติได้ไม่เกิน 2 ปี
6. ขอผ่อนผันหนี้ที่ค้างชำระ
ผู้กู้สามารถยื่นขอผ่อนผันหนี้ค้างชำระได้สูงสุดถึง 36 เดือน (3 ปี) โดยธนาคารจะมีทางเลือกให้ผู้กู้เลือกรูปแบบการชำระคืนตามความสามารถ ดังนี้
- ชำระเพิ่มจากค่างวดเล็กน้อยในแต่ละเดือน: ผู้กู้ชำระยอดค้างชำระเพิ่มจากค่างวดปกติเล็กน้อยทุกเดือน เหมาะกับผู้ที่ยังมีรายได้ประจำแต่ลดลง หรือมีรายได้ไม่แน่นอน และคาดว่าจะกลับมามีรายได้ปกติได้ในระยะสั้นถึงกลาง
- แบ่งยอดค้างชำระเป็นงวดเท่า ๆ กัน: ผู้กู้สามารถตกลงกับธนาคารให้แบ่งชำระยอดค้างเป็นงวดเท่า ๆ กัน ภายในระยะเวลาที่กำหนด เหมาะกับผู้ที่มีรายได้ไม่คงที่ แต่คาดว่าจะมีรายได้พิเศษเข้ามาในบางช่วง เช่น ค่าคอมมิชชั่น โบนัส หรือรายได้จากการรับจ้าง
- ชำระยอดค้างทั้งหมดภายในระยะเวลาที่กำหนด: ผู้กู้ตกลงกับธนาคารว่าจะชำระยอดค้างทั้งหมดภายในระยะเวลาที่ตกลงกัน เหมาะกับผู้ที่ยอดค้างไม่มาก และมีโอกาสได้รับเงินก้อนในอนาคต เช่น รายได้จากโบนัส การขายทรัพย์สิน หรือรายได้พิเศษอื่น ๆ
7. ขอประนอมหนี้โดยการโอนบ้านให้เป็นของธนาคาร
สำหรับผู้กู้ที่ขาดรายได้ประจำอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะไม่สามารถกลับมาชำระหนี้ได้ภายใน 1 ปี ทางเลือกหนึ่งที่ช่วยลดภาระและป้องกันการถูกฟ้องยึดทรัพย์คือ การขอประนอมหนี้โดยโอนทรัพย์ให้ธนาคารชั่วคราว คล้ายกับการขายฝากแล้วเช่าบ้านของตนเองอยู่ต่อ โดยธนาคารจะรับโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินไปก่อน และให้ผู้กู้เช่าที่อยู่อาศัยนั้นต่อในอัตราค่าเช่าที่ถูกกว่าค่างวดเดิม
เมื่อฐานะการเงินกลับมาดีขึ้น ก็สามารถขอซื้อคืนทรัพย์จากธนาคารได้ โดยทำสินเชื่อใหม่กับสถาบันการเงินเดิม ในกรณีที่มูลค่าหนี้สูงกว่าราคาประเมินของทรัพย์ ธนาคารจะหักลบหนี้ตามสัดส่วนที่กำหนด โดยทั่วไปไม่เกิน 90% ของมูลค่าหลักประกัน และผู้กู้จำเป็นต้องชำระส่วนต่างที่เหลือภายในวันโอน
ถ้าผ่อนบ้านไม่ไหว จะขายคืนธนาคาร ทำได้ไหม?

หากผ่อนบ้านไม่ไหว ไม่สามารถขายคืนธนาคารโดยตรงได้ เนื่องจากธนาคารมีสถานะเป็นเจ้าหนี้และไม่ได้ทำหน้าที่ซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยทั่วไป ถ้าหากผ่อนบ้านไม่ไหว แนะนำให้ขายต่อให้บุคคลอื่น แล้วนำเงินที่ได้รับจากผู้ซื้อมาชำระปิดบัญชีกับธนาคาร
ขอให้ธนาคารชะลอฟ้องหรือถอนฟ้องได้ไหม?

หากผ่อนบ้านไม่ไหว จนมีหนี้ค้างชำระนานและธนาคารฟ้องบังคับจำนองบ้าน ผู้กู้สามารถขอให้ธนาคารชะลอการฟ้องได้ โดยต้องเริ่มชำระหนี้ที่ค้างภายในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน และกลับมาผ่อนต่อเนื่องตามสัญญาเดิม หรือชำระเฉพาะดอกเบี้ยชั่วคราว โดยไม่ผิดนัดเกิน 12 เดือน
จะยอมความกับธนาคารก่อนศาลตัดสินได้ไหม? ต้องทำอย่างไรบ้าง?

เมื่อถูกสถาบันการเงินฟ้องร้องจากการผิดนัดชำระหนี้ ผู้กู้สามารถขอยอมความกับธนาคารก่อนศาลมีคำพิพากษาได้ โดยต้องชำระเงินค้างค่าธรรมเนียมศาล และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ครบ รวมถึงผู้กู้ต้องชำระหนี้ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 6 งวด และยอดหนี้คงเหลือต้องไม่เกิน ร้อยละ 80 ของราคาประเมินใหม่ จึงจะสามารถทำสัญญากู้ใหม่กับสถาบันการเงินได้
ถ้าผ่อนบ้านไม่ไหว ปล่อยยึด จะเป็นอย่างไร?

หากผู้กู้ผ่อนบ้านไม่ไหวและไม่ติดต่อธนาคารเพื่อขอชะลอหรือประนอมหนี้ ธนาคารจะดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลเพื่อยึดทรัพย์และขายทอดตลาดตามขั้นตอนทางกฎหมาย เมื่อศาลมีคำพิพากษา ธนาคารจึงจะยึดและนำทรัพย์ไปขายทอดตลาด โดยบ้านที่ยึดมาจะถือเป็นทรัพย์สินรอการขาย (Non-Performing Asset: NPA) ซึ่งสามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ ทรัพย์สินรอการขาย NPA คืออะไร มีข้อควรระวังอะไรก่อนซื้อ
ทั้งนี้หากขายทอดตลาดได้ต่ำกว่ายอดหนี้ค้างชำระ ผู้กู้ยังคงต้องรับผิดชำระส่วนต่างที่เหลือ รวมถึงค่าธรรมเนียมศาล ดอกเบี้ยค้าง และค่าใช้จ่ายในการบังคับคดี
ผ่อนบ้านต่อไม่ไหว จะติดเครดิตบูโรไหม?

หากมีการพักชำระหนี้หรือผิดนัดชำระเกิน 90 วันจะถูกบันทึกในประวัติเครดิตบูโร และหากปล่อยให้เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย จะยิ่งกระทบต่อเครดิตและความสามารถในการขอสินเชื่อในอนาคตมากขึ้น จึงควรติดต่อธนาคาร เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่เนิ่น ๆ โดยสามารถทำความเข้าใจเครดิตบูโรเพิ่มเติมได้ที่ เครดิตบูโร คืออะไร? พร้อมวิธีแก้ไขสถานะให้กลับมาปกติ
ถูกศาลพิพากษาให้ยึดทรัพย์ สามารถขอชะลอการยึดทรัพย์ได้ไหม?

กรณีถูกศาลพิพากษาให้ยึดทรัพย์เพราะผ่อนบ้านไม่ไหว ลูกหนี้สามารถยื่นขอชะลอการยึดทรัพย์ได้ โดยทำสัญญาชำระหนี้บางส่วนก่อน และต้องชำระหนี้ทั้งหมดพร้อมไถ่ถอนจำนองภายใน 3 เดือน รวมถึงต้องรับผิดชำระค่าธรรมเนียมศาล ค่าทนาย และค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดีทั้งหมดเอง ทั้งนี้หากราคาประเมินหลักประกันสูงกว่ายอดหนี้เกิน 80% สามารถขอกู้ใหม่ได้เมื่อชำระครบไม่น้อยกว่า 6 งวด
โครงการ "คุณสู้ เราช่วย" มีรายละเอียดอย่างไร?
โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กระทรวงการคลัง และหน่วยงานการเงินต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยและ SMEs ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ โดยแบ่งเป็น 2 มาตรการหลัก คือ จ่ายตรง คงทรัพย์ และจ่าย ปิด จบ
- มาตรการที่ 1 จ่ายตรง คงทรัพย์: มุ่งช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อบ้านที่มีรายได้แต่เริ่มผ่อนต่อไม่ไหว ให้สามารถรักษาบ้านไว้ได้ โดยลดค่างวดเป็นเวลา 3 ปี ชำระขั้นต่ำ 50% 70% และ 90% ของค่างวดเดิมในปีที่ 1-3 ตามลำดับ โดยค่างวดทั้งหมดจะถูกนำไปตัดเงินต้น พร้อมพักดอกเบี้ย 3 ปี และหากลูกหนี้ชำระตรงตามเงื่อนไขครบถ้วน ดอกเบี้ยที่พักไว้จะได้รับการยกเว้นทั้งหมด
- มาตรการที่ 2 จ่าย ปิด จบ: เน้นช่วยลูกหนี้ที่กลายเป็นหนี้เสีย (NPL) โดยเฉพาะสินเชื่อบ้านวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท ให้สามารถปิดบัญชีหนี้ได้เร็วขึ้น ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน โดยชำระเพียงบางส่วนตามข้อตกลง เพื่อเคลียร์หนี้ ปิดบัญชี และเริ่มต้นสร้างประวัติเครดิตใหม่ได้อีกครั้งอย่างเป็นระบบ
หมายเหตุ: โครงการคุณสู้ เราช่วย เฟส 2 ได้ปิดรับลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2568 หากผู้กู้ต้องการปรับโครงสร้างหนี้หรือปรึกษาปัญหาหนี้ สามารถติดต่อเจ้าหนี้โดยตรง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ BOT Contact Center โทร. 1213 รวมถึงติดตามประกาศรอบใหม่จากธนาคารแห่งประเทศไทย ผ่านทางเว็บไซต์ https://www.bot.or.th/th/news-and-media/activities/khunsoo.html
เตรียมวางแผนป้องกันปัญหาผ่อนบ้านไม่ไหว ตามอ่านสาระดี ๆ ต่อได้ที่
- คำนวณผ่อนบ้าน-คำนวณผ่อนคอนโด มือใหม่ซื้อบ้านต้องทำอย่างไร
- เงินดาวน์บ้าน คืออะไร? ซื้อบ้านต้องดาวน์เท่าไหร่ คำนวณยังไง
- กู้ร่วมซื้อบ้าน-ซื้อคอนโด ควรรู้อะไรบ้าง รวมมาให้แล้ว
- วิธีโปะบ้านให้หมดเร็ว ใครผ่อนบ้าน-คอนโดอยู่ต้องอ่าน!
- รีไฟแนนซ์กับรีเทนชั่นแบบไหนดอกเบี้ยถูกกว่า?
เอพีไทยแลนด์ ช่วยเติมเต็มความหมายของชีวิต
เลือกเป็นเจ้าของโครงการบ้านจาก เอพีไทยแลนด์ เพื่อสร้างชีวิตดี ๆ บนพื้นที่ความสุขที่เราเลือกเอง ไม่ว่าจะเป็น โครงการบ้านเดี่ยวพื้นที่กว้างขวางเป็นส่วนตัว ทาวน์โฮมหรือบ้านแฝดดีไซน์สวย คอนโดมิเนียมทำเลติดรถไฟฟ้าเดินทางง่าย และโฮมออฟฟิศฟังก์ชันเจ๋งที่รองรับทุกธุรกิจ สามารถเลือกได้ตามต้องการ เพราะ “บ้าน” ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย
EMPOWER LIVING อยู่ .. เพื่อทุกความหมายของคุณ









