“เอพี ไทยแลนด์” ยืนหนึ่งอสังหา-ทาวน์โฮม

29 March 2024

ความสำเร็จที่มาจากการปรับตัวเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า

“เอพี ไทยแลนด์” ยืนหนึ่งอสังหา-ทาวน์โฮม

หากเทียบกับประเทศอื่นในเอเชียแล้ว เศรษฐกิจไทยถือว่าฟื้นตัวช้าที่สุดนับจากเกิดวิกฤตโควิด โดยจีดีพีในประเทศในปีที่ผ่านมาขยายตัวเพียง 1.9% เท่านั้น แต่เมื่อตัดภาพมายังผลประกอบการของ “เอพี ไทยแลนด์” กลับพบกับการเติบโตต่อเนื่อง โดยสามารถรักษาความแข็งแกร่งไว้ได้ในฐานะผู้นำธุรกิจอสังหา

 

 

ปีที่ผ่านมาจึงถือเป็นอีก 1 ปีที่เอพี ไทยแลนด์ประสบความสำเร็จในทุกมิติ โดยมียอดขายสูงสุด 51,390 ล้านบาท รายได้รวมกว่า 48,757 ล้านบาท และทำกำไรสุทธิ 6,054 ล้านบาทเป็น All Time High เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งไม่เพียงแต่ประสบความสำเร็จทางด้านตัวเลขเท่านั้น แต่ยังเป็นแบรนด์อสังหาที่ผู้บริโภคชื่นชอบมากที่สุดจากผลสำรวจ 2024 Thailand’s Most Admired Brand

 

คุณวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่า ปีที่ผ่านเป็นปีแห่งความท้าทายก็จริง แต่ปัจจัยที่ทำให้เอพี ไทยแลนด์ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมาจากคนในองค์กรที่ทำงานกันอย่างเต็มที่ท่ามกลางแรงกดดันต่างๆ โดยมีความพร้อมในการปรับกลยุทธ์อยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ไตรมาสแรกจนถึงโค้งสุดท้ายของปี

 

ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา สินค้ากลุ่มแนวราบอย่างทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยวถือเป็นคีย์ไดรฟ์สำคัญที่สร้างการเติบโตทางรายได้และกำไรอย่างแข็งแกร่ง โดยรายได้ที่เกิดขึ้นมาจากสินค้าแนวราบคิดเป็นมูลค่า 17,358 ล้านบาท หรือคิดเป็น 73% ของสัดส่วนรายได้รวมทั้งหมด ซึ่งมีบ้านเดี่ยวแบรนด์ The City, CENTRO และบ้านกลางเมือง เป็นกำลังหลักหนุนสร้างรายได้รวมในกลุ่มแนวราบในขณะที่ครึ่งปีหลัง กลุ่มคอนโดมิเนียมเริ่มกลับมารีบาวด์ มีการโอนกรรมสิทธิ์ต่อเนื่อง ทำให้ยอดรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจาก ASPIRE รัตนาธิเบศร์ เวสต์ตัน, ASPIRE เอราวัณ ไพร์ม และคอนโดมิเนียมร่วมทุนอย่าง RHYTHM เจริญกรุง พาวิลเลี่ยน

 

 

แต่ถ้ามาเจาะลึกถึงโปรดักต์ก็จะพบว่าทาวน์โฮมมีความโดดเด่นมากที่สุด เพราะต้องยอมรับว่าเอพี ไทยแลนด์ ถือเป็นเจ้าตลาดครองความเป็นผู้นำทาวน์โฮมในเมืองมาอย่างยาวนาน ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 60% เนื่องจากมีโปรดักต์ที่ครอบคลุมทุกเซ็กเม้นต์ทั้ง 6 Sub-Brand ตั้งแต่ราคา 1.69 – 25 ล้านบาท กระจายทุกทำเลขายดี ทั่วกรุงเทพฯ และรอบปริมณฑลปีที่ผ่านมาจึงตอกย้ำความเป็นเบอร์ 1 โดยเป็นกลุ่มโปรดักต์ที่เปิดโครงการใหม่มากที่สุดทั้งหมด 27 โครงการรวมมูลค่า 26,400 ล้านบาท

 

“เสียงตอบรับจากทาวน์โฮมของเอพี ไทยแลนด์ เพราะเรามีโรดแม็บการพัฒนา “Unlock Vertical Life พื้นที่ชีวิตแนวตั้งที่เลือกเองได้” พัฒนานวัตกรรมดีไซน์เพื่อให้ทุกพื้นที่สอดรับกับเทรนด์การอยู่อาศัยที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลายกระดับและเปลี่ยนมุมมองการอยู่อาศัยทาวน์โฮมในประเทศไทยให้กลายเป็นที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ทั้งพื้นที่ใช้สอยและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของครอบครัวคนเมืองที่ไม่ต่างจากการอยู่อาศัยในบ้านเดี่ยว”

 

นี่เองที่ทำให้ทาวน์โฮมของเอพี ไทยแลนด์เข้าไปยืนหนึ่งในใจผู้บริโภคเช่นกันในฐานะแบรนด์ทาวน์โฮมที่ชื่นชอบมากที่สุดจากผลสำรวจ 2024 Thailand’s Most Admired Brand ในเวลาเดียวกันเอพี ไทยแลนด์ยังได้ต่อยอดความสำเร็จไปสู่การขยายพอร์ตกลุ่มบ้านแฝดอีกด้วย  ในแบรนด์บ้านกลางเมือง THE EDITION บ้านแฝด 3 ชั้น และ GRANDE PLENO บ้านแฝด 2 ชั้น รวมถึงการเปิดตัว Luxury Townhome ทำเลใหม่ บ้านกลางเมือง คลาสเซ่ รัชโยธิน ชูจุดเด่นบ้านหน้ากว้าง 12.8 -13.5 เมตร ย้ำการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสเปซ

 

 

คุณวิทการ กล่าวว่า ปีนี้เอพี ไทยแลนด์มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในกลุ่มทาวน์โฮมและบ้านแฝดจำนวน 23 โครงการ มูลค่า 19,300 ล้านบาท นอกเหนือจากรักษาความเป็นผู้นำตลาดทาวน์โฮม 3 ชั้นและ 2 ชั้นแล้ว ยังพร้อมส่งต่อความสำเร็จผู้นำทาวน์โฮม 3 ชั้นแล 2 ชั้นกับแนวคิดพื้นที่ชีวิตแนวตั้งที่ดีที่สุด สู่เป้าหมายครั้งใหม่ที่ท้าทายยิ่งกว่ากับการครองเบอร์ 1 ในตลาดบ้านแฝด 3 ชั้น และ 2 ชั้น กับจุดยืนบ้านแฝดเอพี บ้านที่ให้คุณเลือกขยายพื้นที่ให้พอดีกับทุกความสุขผ่าน 3 แบรนด์ในเครือ บ้านกลางเมือง-คลาสเซ่ , บ้านกลางเมืองTHE EDITION และ GRANDE PLENO ชูจุดขายหน้ากว้าง 14.7 เมตร ราคาเริ่มต้น 3.19 ล้านบาท

 

“บ้านแฝดเป็น Blue Ocean ถ้าเทียบกับกลุ่มสินค้าอื่น จากการที่เราทำโครงการทาวน์โฮมคู่กับบ้านแฝด พบว่าฟีดแบ็คดีมาก ชี้ให้เห็นว่ามันมีดีมานด์ในตลาด เพราะบ้านแฝดมีจุดเด่นในเรื่องให้พื้นที่ใช้สอยเยอะ ในราคาจับต้องได้ ส่วนทาวน์โฮมที่หลายคนบอกว่าเป็นขาลงนั้น แต่ผมกลับมองว่าทาวน์โฮมยังขยายตัวอยู่ ในเวลาเดียวกันเราก็หาทางกระตุ้นตลาดผ่านแคมเปญต่างๆ ให้หมุนออกได้เร็วเหมือนคอนโด”

 

 

สำหรับกลุ่มบ้านเดี่ยวในปีนี้จะเปิดตัว 15 โครงการ มูลค่า 23,000 ล้านบาท และกลุ่มคอนโด 4 โครงการ มูลค่า 3,200 ล้านบาท เมื่อรวมทั้ง 3 กลุ่มแล้วเท่ากับว่าปีนี้เอพี ไทยแลนด์เปิดตัวทั้งหมด 48 โครงการ มูลค่ารวม 58,000 ล้านบาท กลายเป็นดีเวลลอปเปอร์ที่พัฒนาโครงการบ้านและคอนโดฯ มากสุดในอุตสาหกรรมในแง่ของจำนวนยูนิต

 

 

“เอพี ไทยแลนด์ขึ้นชื่อว่าปรับตัวเก่ง แต่การปรับตัวจะเกิดขึ้นได้ สิ่งสำคัญต้องมาจากพื้นฐานองค์กรที่แข็งแรงด้วย   ทั้งด้านการบริหารพอร์ตโฟลิโอ โดยเรามีความพร้อมในที่ดิน และแบรนด์กลุ่มสินค้าที่ครอบคลุมทุกเซ็กเม้นต์ อย่างช่วงวิกฤต   โควิด พฤติกรรมการอยู่อาศัยเปลี่ยน คนหันมาอยู่บ้านมากขึ้น เราก็พร้อมเปิดตัวแนวราบรองรับดีมานด์ได้ทันที ปีที่ผ่านมาคอนโดเริ่มฟื้นตัว เราก็เปิดโครงใหม่ทันกับความต้องการที่กลับมาเช่นกัน ในอนาคตการบาลานซ์พอร์ตโฟลิโอจะกลับมาอยู่ในจุดที่สมดุลมากขึ้น โดยหวังว่าในอีก 3 ปีข้างหน้าสัดส่วนรายได้ระหว่างแนวราบกับแนวสูงจะอยู่ที่ 60:40”

 

 

อีกหนึ่งความแข็งแกร่งที่สำคัญต่อการทำธุรกิจต่อไปในอนาคตก็คือ เสถียรภาพทางการเงิน และสภาพคล่องที่เพียง พอ ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดความสามารถทางการแข่งขันของดีเวลลอปเปอร์

 

“อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า แรงกระเพื่อมที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจในปีนี้ยังไม่ลดลงจากปีที่แล้ว ดังนั้นการจะทำให้องค์กรเดินไปอย่างไม่สะดุด คือการรักษาเสถียรภาพทางการเงินให้แข็งแกร่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่เอพี ไทยแลนด์ให้ความสำคัญอยู่แล้ว และเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เราเติบโตต่อเนื่องจนถึงวันนี้ เราสามารถรักษาสัดส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุนอยู่ที่ 0.79 เท่า เป็นไปตาม นโยบายการบริหารจัดการหนี้สินสุทธิต่อทุนในระดับที่ไม่เกิน 1 เท่า ทำให้ต้นทุนทางการเงินอยู่ในสถานะที่แข่งขันได้ดี”

 

นอกจากนี้ยังมีสภาพคล่องจากวงเงินเครดิตธนาคาร  12,700 ล้านบาท, วงเงินลงทุนจากพันธมิตรอย่างมิตซูบิชิ เอสเตท 12,619 ล้านบาท และกระแสเงินสดการโอนกรรมสิทธิ์จากโครงการที่มีอยู่ 212 โครงการ

 

นี่คืออาวุธสำคัญของเอพี ไทยแลนด์ในการรักษาตำแหน่งผู้นำอสังหาในปีนี้

OTHER NEWS